วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรคกระเพาะ


วิธีปฏิบัติสำหรับคนที่รู้ตัวว่าเป็นโรคกระเพาะ


- กินอาหารให้เป็นเวลา ไม่ปล่อยให้ท้องว่างหรือหิว ถ้าหิวก่อนเวลาให้ดื่มนม หรือน้ำเต้าหู้ น้ำข้าว น้ำผลไม้

- หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัดจากน้ำสมสายชู

- งด ดื่มเหล้า เบียร์ ยาดอง กาแฟ

- งด การสูบบุหรี่

- หลีกเลี่ยงการกินยาแก้ปวด แก้ไข้ ที่มีแอสไพริน หรือยาชุดต่าง ๆ รวมทั้งยาแก้ปวดกระดูก และยาสเตียรอยด์ ยาลูกกลอน ยาหม้อต่าง ๆ

- ควรพักผ่อนให้มากเพียงพอ ทำจิตใจให้เบิกบานผ่อนคลายเครียด วิตกกังวล และไม่หงุดหงิดอารมณ์เสียง่าย

- กินยาตามแพทย์สั่ง ถ้ากินยาแล้วอาการดีขึ้น ต้องกินยาติดต่อกันอย่างน้อย 4-6 อาทิตย์ ไม่ควรหยุดยาก่อน เพราะอาการปวดท้องจะกำเริบได้อีก

- ควรออกกำลังกาย แต่ไม่ควรหักโหมมากเกินไป

- อย่าซื้อยากินเอง ถ้ามีโรคอื่นร่วมด้วยควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ย

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

ดอกดาหลา



ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ลำต้น
ดาหลาเป็นพืชที่มีลักษณะคล้ายข่า มีลำต้นใต้ดินเรียกว่าเหง้า (rhizome) เหง้านี้ จะเป็นบริเวณที่เกิดของหน่อดอกและหน่อต้น ดาหลา 1 ต้น สามารถให้หน่อใหม่ได้ประมาณ 7 หน่อ ในเวลา 1 ปี ส่วนลำต้นเหนือดินเป็นกาบใบที่โอบซ้อนกันแน่น เช่นเดียวกับพวกกล้วย ส่วนนี้คือลำต้นเทียม (pseudostem) ลำต้นเหนือดินสูง 2-3 เมตร มีสีเขียวเข้ม

ใบ
มีรูปร่างยาวรี กลางใบกว้างแล้วค่อย ๆ เรียวไปหาปลายใบ และฐานใบ ใบไม่มีก้านใบ ผิวเกลี้ยงท้งด้านบนและด้านล่าง ใบยาว 30-80 เซ็นติเมตร กว้าง 10-15 เซนติเมตร ปลายใบ แหลมฐานใบเรียวลาดเข้าหาก้านใบ เส้นกลางใบปรากฏชัดทางด้านล่างของใบ

ดอก
ดอก ดาหลาเป็นดอกช่อมีลักษณะดอกแบบ (head) ประกอบด้วยกลีบประดับ (Bracts) มี 2 ขนาด ส่วนโคนประกอบด้วยกลีบประดับขนาดใหญ่ มีความกว้างกลีบ 2-3 ซ.ม. จะมีสีแดงขลิบขาวเรียงซ้อนกันอยู่และจะบานออก ประมาณ 25-30 กลีบ และมีกลีบประดับ ขนาดเล็กอยู่ส่วนบนของช่อดอก ความกว้างกลีบประมาณ 1 ซ.ม. ซึ่งมีสีเดียวกับกลีบประดับ ขนาดใหญ่ กลีบประดับเล็กนี้จะหุบเข้าเรียงเป็นระดับมีประมาณ 300-330 กลีบ ภายในกลีบ ประดับขนาดใหญ่ที่บานออกจะมีดอกจนิงขนาดเล็กกลีบดอกสีแดง ซึ่งเป็นดอกสมบูรณ์เพศอยู่ จำนวนมาก ดอกบานเต็มที่จะมีขนาดความกว้างดอกประมาณ 14-16 เซนติเมตร ความยาวช่อ 10-15 เซนติเมตร มีก้านช่อดอกยาว 30-150 เซนติเมตร ลักษณะก้านช่อดอกแข็งตรง ดอก จะออกตลอดปีแต่จะให้ดอกดกที่สุดในช่วงฤดูร้อน คือ เดือนมีนาคม - พฤษภาคม ดอกจะ พัฒนามาจากหน่อดอกที่แทงออกมาจากเหง้าใต้ดินลักษณะของหน่อจะมีสีชมพู ที่ปลายหน่อ

พันธุ์
ปัจจุบันพันธุ์ดาหลาที่ปลูกตัดดอกมีอยู่ 2 พันธุ์ด้วยกันคือ พันธุ์สีชมพู และพันธุ์สีแดง

การขยายพันธุ์
ดาหลาสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
1. การแยกหน่อ
ควร แยกหน่อที่มีความเหมาะสมนำไปปลูกคือ สูงประมาณ 60-100 ซ.ม. ขึ้นไปและมีกิ่งอ่อนกึ่งแก่นประมาณ 4-5 ใบ ใช้มีตัดให้มีเหง้า และรากติดอยู่ด้วย ซึ่งหน่อชนิดนี้จะมีหน่อดอกอ่อน ๆ ติดมาด้วยประมาณ 3 หน่อ นำไปชำในถึงพลาสติก 1 เดือนเพื่อให้หน่อแข็งแรงก่อนปลูก

2. การแยกเหง้า

โดยการแยกเหง้าที่เกิดใหม่ที่โคนต้น แล้วนำไปชำในแปลงเพาะชำ วิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี จึงจะเริ่มให้ดอก

3. การปักชำหน่อแก่

โดยนำไปชำในแปลงเพาะชำให้แตกหน่อใหม่แข็งแรง แล้วจึงค่อยย้ายมาปลูกลงแปลง

การปลูก
โดย ใช้หน่อที่มีเหง้าและรากติดมาด้วย เหง้าที่ตัดมาควรมีความยาวประมาณ 5 นิ้ว โดยสังเกตุให้หน่อนั้น ๆ มีใบติดมาประมาณ 4 คู่ใบ ปลูกลงในหลุมที่เตรียมไว้ แล้วทำการกลบดินให้สูงประมาณ 6 นิ้ว รดน้ำให้ชุ่ม อาจใช้ดินเลนจากท้องร่องพอกทับโคนต้น เพื่อรักษาความชุ่มชื้น นอกจากนี้ควรหาไม้หลักมาผูกติดกับลำต้นกันต้นโยก

การดูแลรักษาดาหลา

การให้ปุ๋ย
จะ ให้ปุ๋ยดาหลาประมาณ 2 - 3 เดือนต่อครั้ง ซึ่งจะใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ (16-16-16) ในอัตรา 96 กก./ไร่/ปี และให้ปุ๋ยคอกในอัตรา 15 กก./ต้น/ปี นอกจากนี้อาจใช้อินทรีย์วัสถุที่ผุพังแล้ว เช่น ใบไม้ต่าง ๆ หรือลำต้นแก่ของดาหลา, วัชพืชที่ขึ้นตามท้องร่อง มาเป็นปุ๋ยหมัก หรืออาจใช้ดินเลนจากท้องร่องพูนใส่ตามโค้นต้น ซึ่งดินแลนนี้จะมีอินทรีย์วัตถุสูง

การให้น้ำ
ดา หลาเป็นพืชที่ต้องการน้ำในปริมาณที่มากพอสมควร โดยเฉพาะในระยะเริ่มแรกของการปลูก ควรรดน้ำให้ชุ่ม โดยใช้แครงสาดวันละ 1 ครั้ง เมื่อต้นดาหลาตั้งตัวได้อาจเว้นระยะห่างของการให้น้ำจากวันละครั้งออกไปเป็น ประมาณ 2-3 วันต่อครั้ง แต่ต้องคำนึงถึงสภาพอากาศ ถ้าเป็นฤดูร้อนควรเพิ่มการให้น้ำมากขึ้นโดยใช้ระบบการให้น้ำแบบพ่นฝอย (springkler) บนแปลงที่ไม่ยกร่อง

การป้องกันกำจัดวัชพืช
ดา หลาเป็นพืชที่มีการเจริญเติบโตเร็ว แตกหน่อได้มาก ทำให้กอแน่นใบบังแสงซึ่งกันและกัน การกำจัดวัชพืชจะต้องกระทำมากในช่วงแรกของการปลูก เมื่อดาหลาโตมาก ๆ จะทำให้แสงที่ส่องผ่านมากระทบพื้นดินน้อย วัชพืชไม่สามารถเจริญงอกงามได้ จึงไม่ต้องทำการกำจัดวัชพืชมากนัก

โรคและแมลง
ยังไม่พบโรคที่เป็นปัญหาสำคัญกับดาหลา แต่มีแมลงสำคัญดังนี้

1. หนอนเจาะลำต้น
ลักษณะการทำลาย
เข้าทำลายต้นแก่ โดยไปเจาะบริเวณลำต้น ทำให้ต้นดาหลาหยุดชะงักการเจริญเติบโต และไม่สามารถให้ออกดอกได้ การป้องกันกำจัด ใช้ฟูราดาน 3% โรยบริเวณรอบ ๆ โค้นต้น หรืออาจใช้เซฟวิน

2. มดแดง
ลักษณะการทำลาย
กรดจากสิ่งขับถ่ายของมดแดงจะทำให้กีบดอกเกิดรอยขาวเป็นจุด ๆ การป้องกันกำจัด เก็บรังมดแดงออกจากต้น และใช้ย่าฆ่ามด

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

คูรเปรีบยเสมือน....เรื่อจ้าง จริงหรือ??

“ครู” เป็นอาชีพที่คอยให้ความรู้กับลูกศิษย์ โดยที่ท่านไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน และในวันเสาร์ที่ 16 มกราคมนี้ ถือว่าเป็น “วันครูแห่งชาติ” ดังนั้นในวันนี้ำจึงขอเปรียบเทียบหน้าที่ของครูกับเรือ เพื่อให้เข้ากับประโยคที่ว่า “ครูเปรียบเสมือนเรือจ้าง” งั้นอย่ารอช้าไปเริ่มต้นกันที่....

เข็มทิศ >> เรือทุกลำล้วนแล้วแต่ต้องมีเข็มทิศประจำเรือ เพื่อจะได้รู้ทิศรู้ทางที่กำลังจะแล่นไป เปรียบเสมือนครู ที่จะต้องวางแผนการเรียนการสอนวิชาต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับลูกศิษย์ นอกจากนี้ ครูยังเป็นผู้คอยสรรหาสิ่งดี และเป็นประโยชน์มาให้กับลูกศิษย์อยู่เสมอ
ฝีพาย >> เมื่อมีการวางแผนการเรียนการสอนเป็นที่เรียบร้อย ครูก็จะนำความรู้ และประสบการณ์ต่างๆ ที่ตัวเองสั่งสมมานาน นำมาสั่งสอนลูกศิษย์ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้นำความรู้เหล่านั้นไปเป็นพื้นฐานความรู้ในการดำรงชีวิต และเป็นแนวทางสำหรับหนทางการมุ่งสู่ความสำเร็จในอนาคต

กัปตันเรือ >> การอยู่ร่วมกันของคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือโรงเรียนต่างจำเป็นต้องมีข้อกำหนดกฏเกณฑ์ขึ้นมา เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมีความสุข สำหรับในโรงเรียนนั้น ครูก็จะเป็นผู้ที่คอยตรวจดูความเรียบร้อยต่างๆ คอยอบรม ตักเตือนในยามที่ลูกศิษย์อาจจะทำผิดโดยไม่รู้ตัว คอยเป็นกำลังใจเมื่อเราท้อถอย และเป็นแรงผลักดันเพื่อให้เราประสบความสำเร็จ
หางเสือ >> เป็นกลไกในการขับเคลื่อนของเรือ เปรียบได้กับคุณครู ที่จะคอยเป็นแรงผลักดัน และกระตุ้นให้ลูกศิษย์ตื่นตัว และสนใจอยากที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่เสมอ ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณครูทำลงไป ไม่ว่าจะดุ จะเคี่ยวเข็ญสักเพียงไหน นั่นก็เป็นเพราะอยากให้ลูกศิษย์ของท่านรู้จักรับผิดชอบ และมีทางที่เดินที่ดีในภายภาคหน้า