วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Moi-Même


- Je suis confiante, ambitieuse , gaie , curieuse et affectueuse

- Je n'aime pas les gens qui sont timide
, agressive , méfiante , nerveuse et vulnérable

- Je suis confiante , ambitieuse et curieuse







วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ครู 2

ครู...ด้วยจิตวิญญาณ

จู่ ๆ ฉันก็นั่งคิด...คิดถึงความแตกต่างของคำว่า " ครู " กับ " อาจารย์ " สองคำ เผินๆ ไม่คิดอะไรให้มากดูเหมือนจะไม่มีความแตกต่างทางความหมาย แต่ในความรู้สึกของฉันนั้น ... ฉันคิดว่าแตกต่างกันในความขลัง ความน่าเชื่อถือ ... ความเคารพนบนอบ ... และความรู้ที่ถ่ายทอด
ฉันเรียกอาจารย์ที่สอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยว่าอาจารย์.. แต่เรียกครูที่สอนตั้งแต่อนุบาลยันมัธยมปลายว่าคุณครู แต่ก็มีนะบางคนที่ฉันก็จะเรียกว่าอาจารย์... ทำไม ?? ไม่รู้... อาจจะเพราะ " เกียรติ " กระมัง แต่สำหรับฉันคำว่าคุณครู คือ ฉันได้มอบเกียรติขั้นสูงสุดให้นั่นเลย อาจารย์สำหรับฉัน เปรียบเสมือน คนที่มากางหนังสือหน้าต่อหน้า ... พูด ๆ ๆ ๆ เราก็นั่งจดตาม ๆ ๆ ๆ พอหมดชั่วโมงก็แยกกันไป ได้อะไรจากในห้องที่เกาะติดสมองมาบ้างมั้ย ไม่สำคัญ .. เพราะจดอยู่ในสมุด

" คุณครู " ของฉัน ที่ให้เกียรติว่าสำคัญและฟังดูขลังกว่า... เพราะครู คือใครก็ได้ ที่สามารถถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์.. จากเรื่องราวที่บันทึกในสามัญสำนึก จากวันเวลาที่ท่านได้ผ่าน หรือ .. อาจจะอ่านมาจากหนังสือหรือได้ลงมือปฏิบัติมาแล้ว ... แต่ครู จะถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นออกมา เพื่อจะสั่งสอนให้ศิษย์ได้รู้... รู้ที่ไม่ได้หมายถึง ต้องทบทวนจากหนังสือเมื่อคราวความใคร่รู้รุมเร้า แต่รู้ได้ โดยจดจำบันทึกไว้ในสมอง และรู้อย่างถูกต้องแตกฉาน

พ่อแม่..ครูคนแรกของลูก ... ถ้าอยู่กับปู่ย่าตายาย..ปู่ย่าตายายก็เป็นครูคนแรกของหลาน.. พ่อแม่ ไม่จำเป็นต้องเรียนจบฝึกหัดครู เพื่อที่จะเป็นครู..ปู่ย่าตายายก็เช่นกัน... พ่อแม่ เพียงได้ถ่ายทอดความรู้จริงถูกต้องให้กับลูก..สั่งสอนลูก.. บอกผิดหรือถูกและแนะแนวทางที่ถูกที่ควรให้ลูก..พ่อแม่ก็ คือ ครู ในลักษณะเดียวกัน..นั้น แม้กระทั่งหนังสือซักเล่มที่ให้ความชัดเจนก็เป็นครู
ในซอยบ้าน..ลุงมอเตอร์ไซค์รับจ้าง .. ใช้เวลาช่วงเย็นของทุกวันเป็นครู..ลุงเรียนจบ ม.6 รับจ้างสอนพิเศษเด็กๆ ประถม หลังเลิกเรียน ดูแลรวมถึงอบรม เด็กเกเรหลายคนไปเรียนแล้วติดใจ ในความใจดี โอบอ้อม และในวันว่างลุงก็สอนเด็กทำของเล่นจากวัสดุ..สอนจนเด็กทำเป็น... ทำเล่นกันเป็นที่สนุกสนาน พ่อแม่ก็วางใจลูกกลับจากโรงเรียนมา.. ไม่ได้ออกไปวิ่งเล่นกลางถนน หรือแอบหลบไปทำตัวนอกลู่ที่ไหน

ป้าอีกคน...อาชีพหลักทำสวน อาชีพรองทำขนมหวานส่งตามบ้านงาน ป้าคนนี้เรียนแค่ ป.4 ความรู้ตามวุฒิบัตรเรียนมาแค่นั้น ... แต่ความรู้โดยประสบการณ์มีเต็มเปี่ยม... ช่วงระบบบูรณาการกำลังเห่อกันใหม่ๆ..ป้าแกก็เป็นครู ... มีเด็กนักเรียนประถมแวะเวียนไปเยือน เรียนรู้จักกันตั้งแต่ต้นหญ้า สารพัดชนิด ยันไม้ผลรอบๆ สวน...รู้จักดิน รู้จักน้ำ รู้จักสภาพอากาศ ร้อนเย็นฝนชุกอะไร พืชพันธุ์แบบไหนชอบไม่ชอบ... ป้าถ่ายทอดความรู้จริงอย่างหมดเปลือกให้เด็กๆ ... วันไหนว่างป้าแกยังแถมสอนวิชาขนมไทย วุ้นมะพร้าว ... ข้าวตัมน้ำวุ้น ... ขนมชั้น ... เด็กแวะไปเมื่อไหร่ก็ได้ความรู้เมื่อนั้น ไม่เคยจะบ่ายเบี่ยงเกี่ยงงอน ฉันยังเคยไปนั่งห่อข้าวต้มน้ำวุ้นที่บ้านแกเลย

" ครู " มีความขลัง เพราะความเต็มใจจะถ่ายทอดความรู้ ไม่ใช่ เพราะทำเพียงเพื่อเห็นเป็นหน้าที่...แต่ทำเพราะตั้งใจที่จะทำ แม้ในความเป็นวิชาชีพ .. ตัวอย่างที่ฉันเล่ามาเหล่านั้นไม่ได้มีอาชีพครู แต่นักเรียนหรือลูกศิษย์ ต่างๆก็เต็มใจจะเรียกว่า ครู ... เพราะความรู้ต่างๆที่ได้รับ..ถ่ายทอดมาจากจิตวิญญาณ...

ครู1

ครู

การเป็นครูนั้นไซร้ไม่ลำบาก
แต่สอนดีนั้นยากเป็นนักหนา
เพราะต้องใช้ศิลปวิทยา
อีกมีความเมตตาอยู่ในใจ
หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล

กว่าจะมาเป็นครู
การที่จะมาเป็นครูนั้น การที่สอบเข้าเรียนในสาขาอาชีพครูนั้นไม่ได้ยากลำบากเมื่อเทียบกับแพทย์ ทันตะและก็เภสัช หรือไม่ก็วิศวะ แต่เรื่องของการที่จะเข้าศึกษาในสาขาวิชาชีพครูนั้นมันขึ้นอยู่กับคำว่า จิตใจ ว่ารักในวิชาชีพครูมากแค่ไหนและสามารถทุ่มเทเวลาได้แค่ไหน เพราะ ครู คือ เบื้องหลังของความสำเร็จของนักเรียน การศึกษาในวิชาชีพครูระดับปริญญาตรีนั้น ต้องใช้เวลาเรียนทั้งหมด 5 ปีการศึกษา เมื่อจบออกมาแล้วก็จะได้รับใบประกอบวิชาชีพครู ซึ่งจะสามารถสอนนักเรียนในโรงเรียนได้ ระยะเวลาตลอด 5 ปีการศึกษาเค้าเรียนอะไรกันมั่งนะมาดูกัน
ชั้นปีที่1 - 4 จะเป็นการเรียนเนื้อหาล้วนๆ บวกกับวิชาที่มีการปฏิบัติบ้างเช่นมีการสังเกตการในโรงเรียน หรือ วิชาที่เป็นหลักสูตรและการสอน รวมถึงวิชาหมวดศึกษาทั่วไปและวิชาหมวดวิชาเอก
ชั้นปีที่ 5 จะเป็นการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา
ความหมายของครู
ครู หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอน ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ของสังคมและประเทศชาติ
ภารกิจแต่ละวันของอาชีพครู
แน่นอนผู้ที่เป็นครูต้องมาโรงเรียนแต่เช้า 7 โมงเช้าก็มาโรงเรียน(มาเร็วกว่าเด็กนักเรียนอีก)และก็16.30น. ก็เป็นเวลาเลิกงาน แต่จริงๆแล้วมันก็ต้องช้ากว่านั้นเพราะครูต้องคอยดูแลการสอนซ่อมเสริมให้กับนักเรียนที่เรียนไม่เข้าใจ ต้องมีการคุมแถวในตอนเช้า สอนหนังสือ อบรมสั่งสอน ให้คำปรึกษาและธุระอีกจิปาถะกับนักเรียน นอกจากนั้นยังต้องเตรียมการสอนและการซ่อมเสริมนักเรียนอีก แต่ยังโชคดีนะที่อาชีพครูเป็นอาชีพเดียวที่มีคำว่า “ปิดเทอม” และก็ยังได้รับเงินเดือนอีกด้วย อาชีพครูนี่แหละคือ...เบื้องหลังของความสำเร็จโดยแท้จริง
ค่าตอบแทนของครู
คนส่วนใหญ่คิดว่าเงินเดือนครูที่ได้แต่ละเดือนนั้นมันไม่พอกินพอใช้และก็น้อยมากเมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ แต่ที่จริงแล้วครูที่ได้รับการบรรจุในตอนแรกเงินเดือนจะได้น้อยอยู่ก็จริงแต่เมื่อทำงานไปเรื่อยๆเงินเดือนก็จะเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นหากขยันทำผลงานเช่นเมื่อทำอาจารย์ 3 ก็จะได้รับเงินประจำตำแหน่ง นี่ยังไม่รวมถึงสวัสดิการต่างๆเช่นค่ารักษาพยาบาล รับรองว่าเป็นครูไม่อดตาย แน่นอน
อุปกรณ์ที่ครูขาดไม่ได้
1. ชอล์กและกระดานดำ อุปกรณ์หากินหลักของอาชีพครูแบบว่าขาดไม่ได้ครูจะขาดใจ เพราะว่าเค้าคู่กัน
2. ปากกาแดง อุปกรณ์ตรวจการบ้านที่ดูคลาสสิกที่สุด เพราะสามารถเห็นสีของมันได้ไกลประมาณหลายเมตร มันเป็นสิ่งที่คอยให้กำลังใจ(ครูเขียนชม) สิ่งที่น่ากลัว(เวลาตรวจข้อสอบ)
3. ไม้เรียว แม้ว่ากระทรวงศึกษาธิการจะยกเลิกไม้เรียวไปแล้ว แต่เมื่อพูดถึงมันทีไรก็ต้องคิดถึงครูทันทีเลย(โหย เสียว...)
คุณสมบัติในการก้าวสู่อาชีพครู
1. ต้องมีใจรักที่จะประกอบอาชีพครู มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อบุคคลทั่วไป
2. ต้องมีความอดทน มีเมตตากรุณา มีเหตุผล มีเวลาเอาใจใส่อบรมสั่งสอนนักเรียน เป็นผู้ที่มีความประพฤติดีอยู่ในกรอบศีลธรรมจรรยา
3. ต้องเป็นผู้ที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีความคิดสร้างสรรค์และต้องรู้จักหลักจิตวิทยาเด็ก
4. ต้องเป็นครูที่ดีมากว่าครูที่เก่ง แต่ถ้าเป็นครูที่ดีด้วยและครูที่เก่งด้วยนี่ดีที่สุด
คำแนะนำของคนที่อยากจะเป็นครู
คนที่อยากจะเข้ามาศึกษาในสาขาวิชาชีครูนั้นต้องเป็นผู้ที่มีความประพฤติที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี นอกจากนั้นต้องเป็นผู้ที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนอยู่เสมอ และมีใจรักที่จะประกอบอาชีพครูด้วย เนื่องจากผู้ที่เรียนในสาขาวิชาชีพครูนั้นต้องตระหนักว่าเมื่อเรียนจบออกไปแล้วจะต้องประกอบอาชีพครูที่มีคุณภาพเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยให้สูงขึ้น ดังนั้นภารกิจของครูจึงไม่ได้มุ่งเน้นที่เนื้อหาเพียงอย่างเดียวแต่ยังจะต้องอบรมสั่งสอนให้ศิษย์เป็นคนดีอีกด้วย
ทำยังไงถึงจะได้เรียนครู
การที่จะเข้ามาศึกษาในหลักสูตรวิชาชีพครูนั้นมีหลายสถาบันที่เปิดสอนแต่ส่วนมากจะต้องผ่านการสอบแอดมิสชั่น ตามสัดส่วนวิชาต่างๆดังนี้
1. GPAX 10 %
2. GPA กลุ่มสาระ 20 % ดังนี้
2.1 ไทย 4 %
2.2 สังคม 4 %
2.3 ภาษาต่างประเทศ 4 %
2.4 คณิต 4 %
2.5 วิทย์ 4 %3.
O-NET 40 % ดังนี้
3.1 รหัส 01 ภาษาไทย 8 %
3.2 รหัส 02 สังคม 8 %
3.3 รหัส 03 ภาษาอังกฤษ 8 %
3.4 รหัส 04 คณิตศาสตร์ 8 %
3.5 รหัส 05 วิทยาศาสตร์ 8 %
4. A-NET 30 % ดังนี้
4.1 วิชาเอก/วิชาเฉพาะไม่เกิน 2 วิชาวิชาละ 10 % ถ้าวิชาเดียว 20 % (รหัส11-15/31-38/40-47)
4.2 รหัส 39 ความถนัดทางวิชาชีพครู 10 %