ครู
การเป็นครูนั้นไซร้ไม่ลำบาก
แต่สอนดีนั้นยากเป็นนักหนา
เพราะต้องใช้ศิลปวิทยา
อีกมีความเมตตาอยู่ในใจ
หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล
กว่าจะมาเป็นครู
การที่จะมาเป็นครูนั้น การที่สอบเข้าเรียนในสาขาอาชีพครูนั้นไม่ได้ยากลำบากเมื่อเทียบกับแพทย์ ทันตะและก็เภสัช หรือไม่ก็วิศวะ แต่เรื่องของการที่จะเข้าศึกษาในสาขาวิชาชีพครูนั้นมันขึ้นอยู่กับคำว่า จิตใจ ว่ารักในวิชาชีพครูมากแค่ไหนและสามารถทุ่มเทเวลาได้แค่ไหน เพราะ ครู คือ เบื้องหลังของความสำเร็จของนักเรียน การศึกษาในวิชาชีพครูระดับปริญญาตรีนั้น ต้องใช้เวลาเรียนทั้งหมด 5 ปีการศึกษา เมื่อจบออกมาแล้วก็จะได้รับใบประกอบวิชาชีพครู ซึ่งจะสามารถสอนนักเรียนในโรงเรียนได้ ระยะเวลาตลอด 5 ปีการศึกษาเค้าเรียนอะไรกันมั่งนะมาดูกัน
ชั้นปีที่1 - 4 จะเป็นการเรียนเนื้อหาล้วนๆ บวกกับวิชาที่มีการปฏิบัติบ้างเช่นมีการสังเกตการในโรงเรียน หรือ วิชาที่เป็นหลักสูตรและการสอน รวมถึงวิชาหมวดศึกษาทั่วไปและวิชาหมวดวิชาเอก
ชั้นปีที่ 5 จะเป็นการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา
ความหมายของครู
ครู หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอน ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ของสังคมและประเทศชาติ
ภารกิจแต่ละวันของอาชีพครู
แน่นอนผู้ที่เป็นครูต้องมาโรงเรียนแต่เช้า 7 โมงเช้าก็มาโรงเรียน(มาเร็วกว่าเด็กนักเรียนอีก)และก็16.30น. ก็เป็นเวลาเลิกงาน แต่จริงๆแล้วมันก็ต้องช้ากว่านั้นเพราะครูต้องคอยดูแลการสอนซ่อมเสริมให้กับนักเรียนที่เรียนไม่เข้าใจ ต้องมีการคุมแถวในตอนเช้า สอนหนังสือ อบรมสั่งสอน ให้คำปรึกษาและธุระอีกจิปาถะกับนักเรียน นอกจากนั้นยังต้องเตรียมการสอนและการซ่อมเสริมนักเรียนอีก แต่ยังโชคดีนะที่อาชีพครูเป็นอาชีพเดียวที่มีคำว่า “ปิดเทอม” และก็ยังได้รับเงินเดือนอีกด้วย อาชีพครูนี่แหละคือ...เบื้องหลังของความสำเร็จโดยแท้จริง
ค่าตอบแทนของครู
คนส่วนใหญ่คิดว่าเงินเดือนครูที่ได้แต่ละเดือนนั้นมันไม่พอกินพอใช้และก็น้อยมากเมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ แต่ที่จริงแล้วครูที่ได้รับการบรรจุในตอนแรกเงินเดือนจะได้น้อยอยู่ก็จริงแต่เมื่อทำงานไปเรื่อยๆเงินเดือนก็จะเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นหากขยันทำผลงานเช่นเมื่อทำอาจารย์ 3 ก็จะได้รับเงินประจำตำแหน่ง นี่ยังไม่รวมถึงสวัสดิการต่างๆเช่นค่ารักษาพยาบาล รับรองว่าเป็นครูไม่อดตาย แน่นอน
อุปกรณ์ที่ครูขาดไม่ได้
1. ชอล์กและกระดานดำ อุปกรณ์หากินหลักของอาชีพครูแบบว่าขาดไม่ได้ครูจะขาดใจ เพราะว่าเค้าคู่กัน
2. ปากกาแดง อุปกรณ์ตรวจการบ้านที่ดูคลาสสิกที่สุด เพราะสามารถเห็นสีของมันได้ไกลประมาณหลายเมตร มันเป็นสิ่งที่คอยให้กำลังใจ(ครูเขียนชม) สิ่งที่น่ากลัว(เวลาตรวจข้อสอบ)
3. ไม้เรียว แม้ว่ากระทรวงศึกษาธิการจะยกเลิกไม้เรียวไปแล้ว แต่เมื่อพูดถึงมันทีไรก็ต้องคิดถึงครูทันทีเลย(โหย เสียว...)
คุณสมบัติในการก้าวสู่อาชีพครู
1. ต้องมีใจรักที่จะประกอบอาชีพครู มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อบุคคลทั่วไป
2. ต้องมีความอดทน มีเมตตากรุณา มีเหตุผล มีเวลาเอาใจใส่อบรมสั่งสอนนักเรียน เป็นผู้ที่มีความประพฤติดีอยู่ในกรอบศีลธรรมจรรยา
3. ต้องเป็นผู้ที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีความคิดสร้างสรรค์และต้องรู้จักหลักจิตวิทยาเด็ก
4. ต้องเป็นครูที่ดีมากว่าครูที่เก่ง แต่ถ้าเป็นครูที่ดีด้วยและครูที่เก่งด้วยนี่ดีที่สุด
คำแนะนำของคนที่อยากจะเป็นครู
คนที่อยากจะเข้ามาศึกษาในสาขาวิชาชีครูนั้นต้องเป็นผู้ที่มีความประพฤติที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี นอกจากนั้นต้องเป็นผู้ที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนอยู่เสมอ และมีใจรักที่จะประกอบอาชีพครูด้วย เนื่องจากผู้ที่เรียนในสาขาวิชาชีพครูนั้นต้องตระหนักว่าเมื่อเรียนจบออกไปแล้วจะต้องประกอบอาชีพครูที่มีคุณภาพเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยให้สูงขึ้น ดังนั้นภารกิจของครูจึงไม่ได้มุ่งเน้นที่เนื้อหาเพียงอย่างเดียวแต่ยังจะต้องอบรมสั่งสอนให้ศิษย์เป็นคนดีอีกด้วย
ทำยังไงถึงจะได้เรียนครู
การที่จะเข้ามาศึกษาในหลักสูตรวิชาชีพครูนั้นมีหลายสถาบันที่เปิดสอนแต่ส่วนมากจะต้องผ่านการสอบแอดมิสชั่น ตามสัดส่วนวิชาต่างๆดังนี้
1. GPAX 10 %
2. GPA กลุ่มสาระ 20 % ดังนี้
2.1 ไทย 4 %
2.2 สังคม 4 %
2.3 ภาษาต่างประเทศ 4 %
2.4 คณิต 4 %
2.5 วิทย์ 4 %3.
O-NET 40 % ดังนี้
3.1 รหัส 01 ภาษาไทย 8 %
3.2 รหัส 02 สังคม 8 %
3.3 รหัส 03 ภาษาอังกฤษ 8 %
3.4 รหัส 04 คณิตศาสตร์ 8 %
3.5 รหัส 05 วิทยาศาสตร์ 8 %
4. A-NET 30 % ดังนี้
4.1 วิชาเอก/วิชาเฉพาะไม่เกิน 2 วิชาวิชาละ 10 % ถ้าวิชาเดียว 20 % (รหัส11-15/31-38/40-47)
4.2 รหัส 39 ความถนัดทางวิชาชีพครู 10 %
วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น