วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Moi-Même


- Je suis confiante, ambitieuse , gaie , curieuse et affectueuse

- Je n'aime pas les gens qui sont timide
, agressive , méfiante , nerveuse et vulnérable

- Je suis confiante , ambitieuse et curieuse







วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ครู 2

ครู...ด้วยจิตวิญญาณ

จู่ ๆ ฉันก็นั่งคิด...คิดถึงความแตกต่างของคำว่า " ครู " กับ " อาจารย์ " สองคำ เผินๆ ไม่คิดอะไรให้มากดูเหมือนจะไม่มีความแตกต่างทางความหมาย แต่ในความรู้สึกของฉันนั้น ... ฉันคิดว่าแตกต่างกันในความขลัง ความน่าเชื่อถือ ... ความเคารพนบนอบ ... และความรู้ที่ถ่ายทอด
ฉันเรียกอาจารย์ที่สอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยว่าอาจารย์.. แต่เรียกครูที่สอนตั้งแต่อนุบาลยันมัธยมปลายว่าคุณครู แต่ก็มีนะบางคนที่ฉันก็จะเรียกว่าอาจารย์... ทำไม ?? ไม่รู้... อาจจะเพราะ " เกียรติ " กระมัง แต่สำหรับฉันคำว่าคุณครู คือ ฉันได้มอบเกียรติขั้นสูงสุดให้นั่นเลย อาจารย์สำหรับฉัน เปรียบเสมือน คนที่มากางหนังสือหน้าต่อหน้า ... พูด ๆ ๆ ๆ เราก็นั่งจดตาม ๆ ๆ ๆ พอหมดชั่วโมงก็แยกกันไป ได้อะไรจากในห้องที่เกาะติดสมองมาบ้างมั้ย ไม่สำคัญ .. เพราะจดอยู่ในสมุด

" คุณครู " ของฉัน ที่ให้เกียรติว่าสำคัญและฟังดูขลังกว่า... เพราะครู คือใครก็ได้ ที่สามารถถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์.. จากเรื่องราวที่บันทึกในสามัญสำนึก จากวันเวลาที่ท่านได้ผ่าน หรือ .. อาจจะอ่านมาจากหนังสือหรือได้ลงมือปฏิบัติมาแล้ว ... แต่ครู จะถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นออกมา เพื่อจะสั่งสอนให้ศิษย์ได้รู้... รู้ที่ไม่ได้หมายถึง ต้องทบทวนจากหนังสือเมื่อคราวความใคร่รู้รุมเร้า แต่รู้ได้ โดยจดจำบันทึกไว้ในสมอง และรู้อย่างถูกต้องแตกฉาน

พ่อแม่..ครูคนแรกของลูก ... ถ้าอยู่กับปู่ย่าตายาย..ปู่ย่าตายายก็เป็นครูคนแรกของหลาน.. พ่อแม่ ไม่จำเป็นต้องเรียนจบฝึกหัดครู เพื่อที่จะเป็นครู..ปู่ย่าตายายก็เช่นกัน... พ่อแม่ เพียงได้ถ่ายทอดความรู้จริงถูกต้องให้กับลูก..สั่งสอนลูก.. บอกผิดหรือถูกและแนะแนวทางที่ถูกที่ควรให้ลูก..พ่อแม่ก็ คือ ครู ในลักษณะเดียวกัน..นั้น แม้กระทั่งหนังสือซักเล่มที่ให้ความชัดเจนก็เป็นครู
ในซอยบ้าน..ลุงมอเตอร์ไซค์รับจ้าง .. ใช้เวลาช่วงเย็นของทุกวันเป็นครู..ลุงเรียนจบ ม.6 รับจ้างสอนพิเศษเด็กๆ ประถม หลังเลิกเรียน ดูแลรวมถึงอบรม เด็กเกเรหลายคนไปเรียนแล้วติดใจ ในความใจดี โอบอ้อม และในวันว่างลุงก็สอนเด็กทำของเล่นจากวัสดุ..สอนจนเด็กทำเป็น... ทำเล่นกันเป็นที่สนุกสนาน พ่อแม่ก็วางใจลูกกลับจากโรงเรียนมา.. ไม่ได้ออกไปวิ่งเล่นกลางถนน หรือแอบหลบไปทำตัวนอกลู่ที่ไหน

ป้าอีกคน...อาชีพหลักทำสวน อาชีพรองทำขนมหวานส่งตามบ้านงาน ป้าคนนี้เรียนแค่ ป.4 ความรู้ตามวุฒิบัตรเรียนมาแค่นั้น ... แต่ความรู้โดยประสบการณ์มีเต็มเปี่ยม... ช่วงระบบบูรณาการกำลังเห่อกันใหม่ๆ..ป้าแกก็เป็นครู ... มีเด็กนักเรียนประถมแวะเวียนไปเยือน เรียนรู้จักกันตั้งแต่ต้นหญ้า สารพัดชนิด ยันไม้ผลรอบๆ สวน...รู้จักดิน รู้จักน้ำ รู้จักสภาพอากาศ ร้อนเย็นฝนชุกอะไร พืชพันธุ์แบบไหนชอบไม่ชอบ... ป้าถ่ายทอดความรู้จริงอย่างหมดเปลือกให้เด็กๆ ... วันไหนว่างป้าแกยังแถมสอนวิชาขนมไทย วุ้นมะพร้าว ... ข้าวตัมน้ำวุ้น ... ขนมชั้น ... เด็กแวะไปเมื่อไหร่ก็ได้ความรู้เมื่อนั้น ไม่เคยจะบ่ายเบี่ยงเกี่ยงงอน ฉันยังเคยไปนั่งห่อข้าวต้มน้ำวุ้นที่บ้านแกเลย

" ครู " มีความขลัง เพราะความเต็มใจจะถ่ายทอดความรู้ ไม่ใช่ เพราะทำเพียงเพื่อเห็นเป็นหน้าที่...แต่ทำเพราะตั้งใจที่จะทำ แม้ในความเป็นวิชาชีพ .. ตัวอย่างที่ฉันเล่ามาเหล่านั้นไม่ได้มีอาชีพครู แต่นักเรียนหรือลูกศิษย์ ต่างๆก็เต็มใจจะเรียกว่า ครู ... เพราะความรู้ต่างๆที่ได้รับ..ถ่ายทอดมาจากจิตวิญญาณ...

ครู1

ครู

การเป็นครูนั้นไซร้ไม่ลำบาก
แต่สอนดีนั้นยากเป็นนักหนา
เพราะต้องใช้ศิลปวิทยา
อีกมีความเมตตาอยู่ในใจ
หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล

กว่าจะมาเป็นครู
การที่จะมาเป็นครูนั้น การที่สอบเข้าเรียนในสาขาอาชีพครูนั้นไม่ได้ยากลำบากเมื่อเทียบกับแพทย์ ทันตะและก็เภสัช หรือไม่ก็วิศวะ แต่เรื่องของการที่จะเข้าศึกษาในสาขาวิชาชีพครูนั้นมันขึ้นอยู่กับคำว่า จิตใจ ว่ารักในวิชาชีพครูมากแค่ไหนและสามารถทุ่มเทเวลาได้แค่ไหน เพราะ ครู คือ เบื้องหลังของความสำเร็จของนักเรียน การศึกษาในวิชาชีพครูระดับปริญญาตรีนั้น ต้องใช้เวลาเรียนทั้งหมด 5 ปีการศึกษา เมื่อจบออกมาแล้วก็จะได้รับใบประกอบวิชาชีพครู ซึ่งจะสามารถสอนนักเรียนในโรงเรียนได้ ระยะเวลาตลอด 5 ปีการศึกษาเค้าเรียนอะไรกันมั่งนะมาดูกัน
ชั้นปีที่1 - 4 จะเป็นการเรียนเนื้อหาล้วนๆ บวกกับวิชาที่มีการปฏิบัติบ้างเช่นมีการสังเกตการในโรงเรียน หรือ วิชาที่เป็นหลักสูตรและการสอน รวมถึงวิชาหมวดศึกษาทั่วไปและวิชาหมวดวิชาเอก
ชั้นปีที่ 5 จะเป็นการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา
ความหมายของครู
ครู หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอน ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ของสังคมและประเทศชาติ
ภารกิจแต่ละวันของอาชีพครู
แน่นอนผู้ที่เป็นครูต้องมาโรงเรียนแต่เช้า 7 โมงเช้าก็มาโรงเรียน(มาเร็วกว่าเด็กนักเรียนอีก)และก็16.30น. ก็เป็นเวลาเลิกงาน แต่จริงๆแล้วมันก็ต้องช้ากว่านั้นเพราะครูต้องคอยดูแลการสอนซ่อมเสริมให้กับนักเรียนที่เรียนไม่เข้าใจ ต้องมีการคุมแถวในตอนเช้า สอนหนังสือ อบรมสั่งสอน ให้คำปรึกษาและธุระอีกจิปาถะกับนักเรียน นอกจากนั้นยังต้องเตรียมการสอนและการซ่อมเสริมนักเรียนอีก แต่ยังโชคดีนะที่อาชีพครูเป็นอาชีพเดียวที่มีคำว่า “ปิดเทอม” และก็ยังได้รับเงินเดือนอีกด้วย อาชีพครูนี่แหละคือ...เบื้องหลังของความสำเร็จโดยแท้จริง
ค่าตอบแทนของครู
คนส่วนใหญ่คิดว่าเงินเดือนครูที่ได้แต่ละเดือนนั้นมันไม่พอกินพอใช้และก็น้อยมากเมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ แต่ที่จริงแล้วครูที่ได้รับการบรรจุในตอนแรกเงินเดือนจะได้น้อยอยู่ก็จริงแต่เมื่อทำงานไปเรื่อยๆเงินเดือนก็จะเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นหากขยันทำผลงานเช่นเมื่อทำอาจารย์ 3 ก็จะได้รับเงินประจำตำแหน่ง นี่ยังไม่รวมถึงสวัสดิการต่างๆเช่นค่ารักษาพยาบาล รับรองว่าเป็นครูไม่อดตาย แน่นอน
อุปกรณ์ที่ครูขาดไม่ได้
1. ชอล์กและกระดานดำ อุปกรณ์หากินหลักของอาชีพครูแบบว่าขาดไม่ได้ครูจะขาดใจ เพราะว่าเค้าคู่กัน
2. ปากกาแดง อุปกรณ์ตรวจการบ้านที่ดูคลาสสิกที่สุด เพราะสามารถเห็นสีของมันได้ไกลประมาณหลายเมตร มันเป็นสิ่งที่คอยให้กำลังใจ(ครูเขียนชม) สิ่งที่น่ากลัว(เวลาตรวจข้อสอบ)
3. ไม้เรียว แม้ว่ากระทรวงศึกษาธิการจะยกเลิกไม้เรียวไปแล้ว แต่เมื่อพูดถึงมันทีไรก็ต้องคิดถึงครูทันทีเลย(โหย เสียว...)
คุณสมบัติในการก้าวสู่อาชีพครู
1. ต้องมีใจรักที่จะประกอบอาชีพครู มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อบุคคลทั่วไป
2. ต้องมีความอดทน มีเมตตากรุณา มีเหตุผล มีเวลาเอาใจใส่อบรมสั่งสอนนักเรียน เป็นผู้ที่มีความประพฤติดีอยู่ในกรอบศีลธรรมจรรยา
3. ต้องเป็นผู้ที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีความคิดสร้างสรรค์และต้องรู้จักหลักจิตวิทยาเด็ก
4. ต้องเป็นครูที่ดีมากว่าครูที่เก่ง แต่ถ้าเป็นครูที่ดีด้วยและครูที่เก่งด้วยนี่ดีที่สุด
คำแนะนำของคนที่อยากจะเป็นครู
คนที่อยากจะเข้ามาศึกษาในสาขาวิชาชีครูนั้นต้องเป็นผู้ที่มีความประพฤติที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี นอกจากนั้นต้องเป็นผู้ที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนอยู่เสมอ และมีใจรักที่จะประกอบอาชีพครูด้วย เนื่องจากผู้ที่เรียนในสาขาวิชาชีพครูนั้นต้องตระหนักว่าเมื่อเรียนจบออกไปแล้วจะต้องประกอบอาชีพครูที่มีคุณภาพเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยให้สูงขึ้น ดังนั้นภารกิจของครูจึงไม่ได้มุ่งเน้นที่เนื้อหาเพียงอย่างเดียวแต่ยังจะต้องอบรมสั่งสอนให้ศิษย์เป็นคนดีอีกด้วย
ทำยังไงถึงจะได้เรียนครู
การที่จะเข้ามาศึกษาในหลักสูตรวิชาชีพครูนั้นมีหลายสถาบันที่เปิดสอนแต่ส่วนมากจะต้องผ่านการสอบแอดมิสชั่น ตามสัดส่วนวิชาต่างๆดังนี้
1. GPAX 10 %
2. GPA กลุ่มสาระ 20 % ดังนี้
2.1 ไทย 4 %
2.2 สังคม 4 %
2.3 ภาษาต่างประเทศ 4 %
2.4 คณิต 4 %
2.5 วิทย์ 4 %3.
O-NET 40 % ดังนี้
3.1 รหัส 01 ภาษาไทย 8 %
3.2 รหัส 02 สังคม 8 %
3.3 รหัส 03 ภาษาอังกฤษ 8 %
3.4 รหัส 04 คณิตศาสตร์ 8 %
3.5 รหัส 05 วิทยาศาสตร์ 8 %
4. A-NET 30 % ดังนี้
4.1 วิชาเอก/วิชาเฉพาะไม่เกิน 2 วิชาวิชาละ 10 % ถ้าวิชาเดียว 20 % (รหัส11-15/31-38/40-47)
4.2 รหัส 39 ความถนัดทางวิชาชีพครู 10 %

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

ความรู้รอบตัวที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

1.ยุงบินด้วยความเร็ว 5 ไมล์ต่อชั่วโมง...
2.ผีเสื้อบินด้วยความเร็ว 20 ไมล์ต่อชั่วโมง...
3.เส้นผมคนรับน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัม...
4.เสียงกรนที่ดังที่สุดดังถึง 87.5 เดซิเบลล์
5.พอล แมคคาร์ที เป็นเจ้าของลิขสิทธิเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ถ้าจะนำมาออกรายการต้องซื้อลิขสิทธิก่อน...
6.เหรียญทองโอลิมปิกต้องมีแร่เงินผสมอยู่ 92.5 เปอร์เซนต์...
7.หอเอนเมืองปิซาเอนไปทางใต้...
8.กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 อาบน้ำทั้งหมด 3ครั้งในชีวิต...
9.ฮิตเลอร์แสกผมข้างซ้าย...
10.ผู้หญิงที่เกาะฮาวายที่ทัดดอกไม้ที่หูข้างซ้าย แสดงว่ามีเจ้าของแล้ว...
11.เราไม่สามารถฆ่าตัวตายด้วยการกลั้นหายใจได้...
12.ผู้หญิง 3.9 เปอร์เซนต์ไม่ชอบใส่กางเกงใน...
13.ฮิปโปผายลมทางปาก...
14.ประเทศซาอุดิอราเบียไม่มีแม่น้ำ...
15.กังหันทั้งโลกหมุนทวนเข็มนาฬิกา ยกเว้นที่ไอร์แลนด์...
16.เด็กนักเรียนอายุ15 ปีขึ้นไปในบังคลาเทศจะถูกจับเข้าคุกถ้า"โกงข้อสอบ"...
17.ปลาที่อาศัยในน้ำลึกเกิน 800 เมตร จะไม่มีตา...
18.ผมคนเราจะร่วงประมาณ 200 เส้นต่อวัน...
19.ตัว"โอ"เป็นสระที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ...
20.คนพูดประมาณ 120 คำต่อนาที
21.ฝ่ามือและฝ่าเท้าของคนเราไม่สามารถไหม้ได้...
22.อูฐสามารถหมุนหัว 180 องศา
23.ถ้าปลาไหลไฟฟ้าอยู่ในน้ำเค็ม จะถูกช็อตตาย...
24.ขั้นบันไดในไทยจะเป็นเลขคี่...
25.เจ้าฟ้าชายชาลส์ชอบสะสมฝาโถส้วม...
26.คนมีโอกาสตายจากผึ้งต่อยมากกว่างูกัด...
27.ประเทศวาติกันมีประชากรประมาณ 1000 คน
28.เมื่อคุณจาม หัวใจคุณจะหยุดเต้นเสี้ยววินาที
29.มันเปนไปมะได้อ่ะคับ ถ้าคุณจะจามโดยไม่หลับตา
30.เดิมโคคาโคล่าเป็นสีเขียว
31.ชื่อที่โหลที่สุดในโลกคือ Mohammed
32.กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคือลิ้น
33.แต่ละโพหลังไพ่ แสดงถึงกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่จากประวัติศาสตร์ - โพดำกษัตริย์เดวิด - ดอกจิก อเล็กซานเดอร์มหาราช - โพหัวใจ ชาร์ล เลอ มาญ - ข้าวหลามตัด จูเลียส ซีซาร์
34. อนุสาวรีย์ของใครสักคนที่อยู่บนหลังม้า และม้ายกสองขาขึ้นบนอากาศแปลว่าคนนั้นตายในสงคราม
35.ถ้าม้ายกขาข้าเดียวแปลว่า เขาบาดเจ็บในสงคราม และตายจากการบาดเจ็บนั้น

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

เตือนfacebookเสี่ยงต่อชีวิต

ประธานาธิบดี โอบามา เตือนวัยรุ่นอเมริกัน โพสต์เรื่องเหลวไหลในเฟซบุ๊ก เสี่ยงได้รับผลกระทบต่อชีวิตในอนาคต
ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ของสหรัฐ ได้กล่าวเตือนบรรดาวัยรุ่นอเมริกัน ในระหว่างการเข้าร่วมกิจกรรมตอบคำถามกับนักเรียนอายุ 14-15 ปี วานนี้ว่า การใส่ข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป ในเว็บไซต์เครือข่ายสังคมบนอินเทอร์เน็ต อาจจะเกิดอันตราย และส่งผลกระทบต่อชีวิตในอนาคต
“ผมอยากให้พวกคุณระมัดระวังตัวในการเขียนข้อความลงเฟซบุ๊ก เพราะในโลกแห่งยูทูบ อะไรก็ตามที่พวกคุณได้ทำไว้ จะถูกดึงขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้งเมื่อไรก็ได้ในอนาคต” โอบามา กล่าว
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐยังย้ำด้วยว่า ความผิดพลาด และเรื่องเหลวไหลในอดีตที่ก่อไว้เมื่อยังเด็ก จะมีผลกระทบโดยตรงเมื่อไปสมัครงาน เมื่อมีใครบางคนได้ตรวจพบข้อมูลเหล่านั้น
ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสหรัฐมีขึ้นหลังจากที่มีผลการศึกษาล่าสุดแนะนำว่า บรรดานายจ้างทั่วสหรัฐกำลังใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ อาทิ เฟซบุ๊ก และมายสเปซ เข้าไปตรวจสอบภูมิหลังของผู้สมัครงานในบริษัทของตนมากขึ้น
ในผลการสำรวจเมื่อเดือนมิ.ย. โดยเว็บไซต์เพื่อการสร้างงานในสหรัฐ พบว่า นายจ้างราว 45% ได้เข้าไปในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก เพื่อตรวจสอบผู้สมัครงาน
ขณะที่นายจ้างอีกราว 35% ของผลการสำรวจ เปิดเผยว่า ข้อความและเนื้อหาในเว็บไซต์ที่พบ มีส่วนช่วยใหเกิดการปฏิเสธไม่รับบุคคลเข้าทำงาน ตัวอย่างเช่นการโพสต์รูปภาพที่ไม่เหมาะสม ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการใช้สารเสพติด หรือดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่การพูดนินทาอย่างหยาบคายต่อบรรดานายจ้าง ผู้ร่วมงาน และลูกค้าก่อนหน้านี้

สิ่งดีๆที่มากกว่า "เพื่อน"

สิ่งดีๆที่มากกว่า "เพื่อน"ทั้งๆที่ บางคน อาจจะมองเห็นและมองไม่เห็น

แล้วคุณละ เห็นว่าเพื่อนของคุณเป็นคนแบบไหน

มีอะไรที่ค้างคาใจก็ควรที่จะบอกกันออกไปตรงๆ

ก่อนที่คุณอาจจะเสีย "เพื่อน" ที่คุณรักไปตลอดกาลด้วย อารมณ์ แค่น้อยใจ





แล้วกับคุณละ เพื่อนสำคัญมากมายขนาดไหน

เคยตอบคำถามจากใจตัวเอง หรือเปล่าหาคำตอบให้ได้

ก่อนที่ คนๆหนึ่งอาจจะก้าวหายไปจากชีวิตคุณ

อาหาร 10 อย่าง ที่ไม่ควรกินมากเกิน


เป็นเคล็ดลับการดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์แผนจีน ได้แก่

1. ไข่เยี่ยวม้า ถ้ากินมากและบ่อย อาจเกิดพิษจากสารตะกั่ว..การดูดซึมแคลเซี่ยม ลด น้อยลง ขาดแคลเซี่ยม ทำให้กระดูกผุได้

2. ปาท่องโก๋ ใช้สารส้ม ซึ่งมีตะกั่ว เป็นพิษต่อเซลล์สมอง ความจำเสื่อม คอ แห้ง เจ็บคอ

3. เนื้อสัตว์ย่าง เกิดสารเบนโซไพริน ก่อมะเร็ง

4. ผักดอง เกิดการสะสมเกลือโซเดียม หัวใจทำงานหนัก เกิดความดันเลือดสูงเป็นโรคหัวใจง่าย

5. ตับหมู 1 กก. มีคอเลสเตอรอลกว่า 400 มก. ถ้ามีมากและนานทำให้หลอดเลือดแข็งตัว เสี่ยงต่อโรคหัวใจ , หลอดเลือดทางสมอง, มะเร็ง

6. ผักโขม ผักปวยเล้ง มีกรดออกซาเลตมาก ทำให้การขับสังกะสีและแคลเซียมออก จากร่างกายมาก เกิดภาวะขาดแคลน

7. บะหมี่สำเร็จรูป ทำให้ขาดสารอาหาร เกิดการสะสมสารพิษในร่างกาย

8. เมล็ดทานตะวัน มีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัว กินมากทำให้มีการสะสม ไขมันที่ตับได้

9. เต้าหู้หมัก เต้าหู้ยี้ การหมักมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรค...และมีสารย่อย โปรตีนไฮโดรเจนซัลไฟล์ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

10. ผงชูรส ไม่ควรกินเกิน 6 กรัมต่อวัน จะทำให้กรดกลูตามิกในเลือดสูง ซึ่งมีผลต่อการทำงานของประจุแคลเซี่ยมและแมกนีเซียม ทำให้ปวดหัว ใจสั่น คลื่นไส้ และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์ที่กล่าวมาเป็นภูมิปัญญาโบราณ ความเชื่อที่สืบทอดกันมา ปัจจุบันมีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายมาก

โน้ส อุดมแต้พานิช






แบบอย่างความเท่ทั้งที ไม่มีคนนี้ได้อย่างไร โน้ส อุดม แต้พานิช คนที่เป็นมากกว่าผู้สร้างเสียงหัวเราะ เขาคือคนที่มีความเป็นศิลปินอยู่อย่างเต็มเปี่ยม อยากรู้จักเขามากกว่านี้ ต้องอ่าน...



คุณอุดม เป็นคนกลางจาก พี่น้อง 3 คน
ผลงาน มีละครเรื่องแรกชื่อ ความรักของมาลัยในห้องไอซียู ได้รับบทเป็นคนแก่ในโรงพยาบาล จบจากละครก็ก้าวเข้าสู่ถนนหนังสือ ในตำแหน่งฝ่ายศิลปของไปยาลใหญ่
'คุณอุดมพาความสามารถเข้าสู่เส้นทางสายบันเทิงโดยเริ่มจากเป็นตัวประกอบในรายการวิก 07 ของ เจเอสแอล และเล่นเกมรายการจุดเดือด ทางผู้ใหญ่ในเจเอสแอลประทับใจลีลา จึงชักชวนมาร่วมงานด้วยในรายการ ยุทธการขยับเหงือก ซึ่งเป็นรายการ Comedian Show ที่มีความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของช่อง 5 ในยุคนั้น จึงทำให้อุดมได้แจ้งเกิดในวงการบันเทิงอย่าง เต็มตัวในชื่อ เสนาฯ โน้ส '
แต่ความจดจำเก่าๆ ที่เกี่ยวกับตัวเขา ดูจางลงไปทันที เมื่อผลงานของเขาในตอนนี้ คือการเป็น เดี่ยวมือหนึ่งของสยามประเทศ เดี่ยวไมโครโฟน หรือ Stand Up Comedy




ครั้งที่ 1 (เดี่ยวไมโครโฟน) 2538 เปิดการแสดงทั้งหมด 3 รอบ ทำการแสดงที่ หอประชุมเมืองไทยประกันชีวิต ความจุ 450 ที่นั่ง


ครั้งที่ 2 (อุดม โชว์ห่วย) 2539 เปิดการแสดงทั้งหมด 14 รอบ ทำการแสดงที่ หอประชุมเมืองไทยประกันชีวิต ความจุ 450 ที่นั่ง


ครั้งที่ 3 (อุดม การช่าง) 2540 เปิดการแสดงทั้งหมด 22 รอบ ทำการแสดงที่ อิมพีเรียล ลาดพร้าว


ครั้งที่ 4 (เดี่ยว 4) 2542 เปิดการแสดงทั้งหมด 28 รอบ ทำการแสดงที่ เดอะมอลล์ บางกะปิ


ครั้งที่ 5 (ฉายเดี่ยว) 2544 เปิดการแสดงทั้งหมด 30 รอบ ทำการแสดงที่ โรงภาพยนตร์สกาล่า ความจุ 1,000 ที่นั่ง


ครั้งที่ 6 (ตูดหมึก) 2546 เปิดการแสดงทั้งหมด 43 รอบ ทำการแสดงที่ โรงภาพยนตร์สกาล่า ความจุ 1,000 ที่นั่ง ตูดหมึก คือครั้งที่ตราตรึงใจพี่มิ้งที่สุด ด้วยความฮาแบบต่อเนื่อง ทำให้รื้อมาดูอีกรอบ ก็ยังขำแบบสะใจๆ ได้อีก หลังจากห่างหายไปนาน คำสัญญา 5 ปีของ โน้ส อุดม ก็กลับมาพร้อมกับการเดี่ยว ครั้งที่ 7-7.5


ครั้งที่ 7 (เดี่ยว 7) 2551 เปิดการแสดงทั้งหมด 41 รอบ (ไทย 39 รอบ,ซิดนีย์ 2 รอบ) ทำการแสดงที่โรงภาพยนตร์สกาล่า ความจุ 1,000 ที่นั่ง ครั้งที่ 7.5 (เชียงใหม่ม่วนขนาด) 2551 เปิดการแสดงทั้งหมด 3 รอบ ทำการแสดงที่ กาดสวนแก้ว เชียงใหม่ ความจุ 2,000 ที่นั่ง


มนุษย์ที่สร้างเสียงหัวเราะได้ตลอด ผู้มีความสามารถพิเศษ ที่สามารถดึงอารมณ์คนดูนับพัน ให้มีความรู้สึกคล้อยตาม อย่างขำขันไปโดยไม่รู้ตัว เรื่องราวของ ความจริงแสนธรรมดาในชีวิตเรา ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อผ่านสมอง แปรเปลี่ยนเป็นคำพูดผสมด้วยท่าทาง จะกลายเป็นเรื่องตลกชนิดฮากระจาย คุณอุดมได้ชื่อว่าเป็นศิลปินแบบเต็มตัว เพราะเขามีผลงานศิลปะที่ขายทำเงินได้ด้วยนะ พี่มิ้งคิดว่า ความสุขคงไม่ได้อยู่เมื่อมันถูกขายไป แต่ความสุขคือได้ทำสิ่งที่เรารัก แล้วมีคนเห็นคุณค่าของมัน และใช้การแลกเงิน แทนคำชื่นชมมากกว่า


งานเขียนเป็นอีกผลงานที่พวกเราไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับ คุณอุดม ทั้งที่เขาได้ชื่อว่า เป็นคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเขียน (Best Seller) ปัจจุบันนี้หนังสือของ อุดม แต้พานิช มีถึง 20 เล่ม
โทษฐานที่รู้จักกัน (พิมพ์ซ้ำ 33 ครั้ง)


เดี่ยวไมโครโฟน 1 (พิมพ์ซ้ำ 11 ครั้ง)


หนังสือโป๊ (พิมพ์ซ้ำ 28 ครั้ง)


เดี่ยวไมโครโฟนโชว์ห่วย (พิมพ์ซ้ำ 12 ครั้ง)


โน้ตบุ๊ค (พิมพ์ซ้ำ 7 ครั้ง)


รวมมิตรแต้พานิช (พิมพ์ซ้ำ 21 ครั้ง)


ก้นกล่อง (พิมพ์ซ้ำ 5 ครั้ง)


เดี่ยว 4 (พิมพ์ซ้ำ 12 ครั้ง)


GU 1 (Garbage of Udom) (พิมพ์ซ้ำ 5 ครั้ง)


GU 2 (Garbage of Udom) (พิมพ์ซ้ำ 5 ครั้ง)


GU 3 (Garbage of Udom) (พิมพ์ซ้ำ 5 ครั้ง)


GU 123 (Garbage of Udom) (พิมพ์ซ้ำ 10 ครั้ง)


ฉายเดี่ยว (พิมพ์ซ้ำ 3 ครั้ง)


หนังสือโป๊xxx (ฉบับญี่ปุ่น)


ISBN 9742725543 (พิมพ์ซ้ำ 3 ครั้ง)


I don’t know (พิมพ์ซ้ำ 1 ครั้ง)


a dom นิตยสารแนวล้อเลียนเล่มแรกของเมืองไทย (พิมพ์ซ้ำ 3 ครั้ง)


ตูดหมึก (พิมพ์ซ้ำ 3 ครั้ง)


GU 123 (ฉบับญี่ปุ่น)


ISBN 9749340043 (พิมพ์ซ้ำ 3 ครั้ง)


a dom 2 (พิมพ์ซ้ำ 8 ครั้ง)


Domcumentary ในอีกมุมมองหนึ่งของชีวิตที่หลายคนอาจยังไม่รู้ อุดม ในฐานะของนักวาด และการประดิษฐ์สิ่งของที่คนอื่นอาจมองว่าเป็นขยะแต่กลับเป็นเรื่องท้าทายของเขาที่จะชุบขยะเหล่านั้นให้มีชีวิตจนเกิดเป็นผลงานศิลปะอันสวยงาม หนังสือเล่มนี้จึงรวบรวมผลงานหลากหลายของอุดมที่ชีวิตไม่ได้มีแต่ตลกด้านเดียว


ความกล้าคิด กล้าทำ กล้าแปลก ของคุณอุดม สร้างผลงานและการแสดงที่เราเห็นครั้งแรก ชิ้นงานที่มีความเป็นตัวเองอย่างโดดเด่น เหมือนลายเซ็นที่ถูกตวัดอย่างสวยงาม ที่ยากใครจะลอกเลียน พี่มิ้งยังเห็นความคิดสร้างสรรค์ ที่คุณอุดมสร้างขึ้นในผลงานของเขาทุกชิ้น มุมมองที่มองทุกเรื่องออกมาตลก คือความรู้สึกแง่ดี ที่จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขอย่างง่ายดาย (แม้จะเป็นเรื่องเครียดๆ อย่าง การเมือง ยังฮา ก็ไม่รู้ว่าเรื่องไหนจะเครียดแล้วล่ะ)
แบบอย่างความเท่ โน้ส อุดม แต้พานิช
ชื่อเล่น โน้ส เกิด 1 กันยายนจังหวัด ชลบุรี อาชีพ นักแสดง นักเขียน comadian สร้างงานศิลปะ


วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

---10 ขนมอันตราย ---

อันตรายจากอาหารขบเคี้ยว ข้อมูลจากการสำรวจ ของราชพฤกษ์โพล คณะสาธารณะสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเก็บตัวอย่างจากขนมหลายประเภท จากโรงเรียนอนุบาลและประถมศึกษา จำนวน 40 โรงเรียน ในพื้นที่17 เขตของกรุงเทพมหานคร พบว่าภัยร้ายที่แฝงอยู่ในขนมเด็ก โดยเฉพาะสารตะกั่วซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ขณะเดียวกันก็ยังพบสารอันตรายอื่นๆ โดยเฉพาะเกลือโซเดียมในปริมาณมากน้อยต่างกันไป ซึ่งหากบริโภค มากจนตกค้างสะสมในร่างกาย อาจมีผลให้เส้นเลือดในสมองโป่งพองได้ 10 อันดับขนมขบเคี้ยวประเภทข้าว แป้ง ที่พบปริมาณโซเดียมสูงสุดดังนี้
1. ข้าวเกรียบปลาหมึก ตราอาริงาโตป้ง
2. ขนมทอดกรอบตราปูไทย ซองส้มเข้มป้ง
3. ข้าวเกรียบทอด ตราเอสบี รสพริกหยวกี่
4. ข้าวเกรียบกุ้ง ตราฮานามิ รสเม็กซิกันชิลลี่ษ
5. แป้งมันฝรั่งทอดกรอบ ตราโรลเลอร์ โคสเตอร์ รสหัวหอมทรงเครื่อง
6. แป้งข้าวโพดอบกรอบ ตราโจโต้ รสปลาหมึก
7. ข้าวเกรียบกุ้ง ตราคาลบี้ รสต้มยำรสแซบ
8. ข้าวเกรียบปลา ตรามโนห์รา
9. ข้าวเกรียบกุ้ง ตรามโนห์รา
10. ข้าวเกรียบรสมะเขือเทศ

กินไข่วันละกี่ฟองถึงจะพอดี


1. ทำไมไข่ทุกฟองไม่ฟักเป็นตัวไข่ที่ผลิตแต่ละฟองจะถูกปล่อยออกมาตามท่อรังไข่อย่างสม่ำเสมอ และแม่ไก่ก็พร้อมจะวางไข่กระบวนการนี้จะดำเนินไปตลอด ไม่ว่าไข่จะมีการปฏิสนธิหรือไม่ก็ตาม นั่นคือเหตุผลที่ไข่ไก่ทุกฟองไม่ฟักเป็นตัว

2. ไข่สุก-ไข่ดิบ อะไรมีประโยชน์กว่ากันเราไม่ควรกินไข่ดิบ เพราะในไข่ดิบอาจจะมีเชื้อโรค และไข่ขาวดิบยังย่อยยากอีกด้วย หากเรากินไข่ขาวดิบเข้าไป มันจะผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ไปโดยไม่ได้ย่อย ร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้ หากจะกินไข่ลวกควรลวกให้ไข่ขาวสุกเสียก่อน

3. ช่องวางไข่ในตู้เย็น ทำอายุไข่สั้นเปลือกไข่มีลักษณะเป็นรูพรุนตลอดทั้งฟอง รูที่เปลือกมีขนาดเล็กมากเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ผิวไข่ที่เราเห็นจึงดูเรียบเนียน และเพราะเปลือกมีรูพรุนทำให้ไข่สามารถดูดซึมกลิ่นต่างๆ ได้ง่าย จึงไม่นิยมเก็บไข่ไว้กับอาหารที่มีกลิ่นฉุน อย่างกะปิ น้ำปลา การเก็บไข่ควรเก็บไว้ในตู้เย็นจะเหมาะกว่าเก็บที่อุณหภูมิปกติ และควรใส่ในภาชนะแล้ววางไว้บนชั้นวางธรรมดาดีกว่าใส่ในช่องวางไข่ที่ฝาผนังตู้เย็นซึ่งจะมีอุณหภูมิที่สูงทำให้ไข่เสียเร็วกว่าที่ควร

4. เก็บไข่ควรนำด้านแหลมลงการวางไข่โดยเอาด้านแหลมลงและให้ด้านป้านอยู่บน ไข่แดงที่มีน้ำหนักเบากว่าไข่ขาว แม้จะพยายามลอยตัวขึ้นบนแต่ก็จะปะทะกับโพรงอากาศที่อยู่ทางด้านป้านไม่ปะทะกับเปลือกไข่ ไข่แดงจึงอยู่กลางใบหากเราเปลี่ยนเอาทางด้านป้านลงไข่แดงจะลอยขึ้นไปติดที่เปลือกไข่ทำให้ไข่แดงแตกง่ายเวลาตอก การเก็บไข่จึงควรนำด้านแหลมลงทุกครั้ง


5. ไข่ไม่ได้เป็นแค่อาหารไข่ขาว นำมาทำเป็นส่วนประกอบของยางบางชนิด ทำสีทาสิ่งของ ทำกาว ทำหมึกพิมพ์ ช่วยย้อมหนัง กำจัดสิวเสี้ยนไข่แดง ทำสบู่ สี แชมพู ตกแต่งหนังสัตว์ บำรุงผิวเปลือกไข่ ทำอาหารสัตว์ ปุ๋ย และนำไปทำสิ่งประดิษฐ์ได้อีกหลายสิบอย่าง

ไข่ฟองกลมๆ จะช่วยรักษารูปร่างคุณให้ดี หรือส่งผลร้ายต่อสุขภาพของคุณกันแน่ มีคําตอบมาให้แล้ว
การไม่ทานไข่ อาจส่งผลเสียต่อเส้นประสาทสมองได้ ไข่ฟองเล็กๆ หนึ่งฟอง มีปริมาณวิตามินบี 12ซึ่งจําเป็นต่อการสร้างเยื่อหุ้มป้องกันเส้นใยประสาท

นอกจากนี้ไข่ยังดีต่อสายตาคุณ โดยเมื่อไม่นานมานี้มีผลการศึกษาจากอเมริกาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Nutrition ได้ค้นพบว่า การทานไข่อย่างน้อย 3 ฟองต่อสัปดาห์จะช่วยป้องกันภาวะสูญเสียสายตาที่มักเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้นได้ เพราะสารลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารรงควัตถุในตระกูลแคโรทีนอยด์ในไข่แดงจะช่วยบํารุงจอประสาทตานั่นเอง

"ไข่เจียว" ถือเป็นยาบํารุงร่างกายได้เลย เพราะนอก จากไข่จะช่วยให้ร่างกายคุณดูดซึมแคลเซียมได้ดีแล้ว ยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน แถมปริมาณ สารซีลีเนียมและวิตามินอีในไข่ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณมีหุ่นกลมเป็นไข่อีกด้วย
ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนาสเตท พบว่า คนที่ทานมื้อเช้าโดยมีไข่เป็นส่วนประกอบ จะลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ไม่ทานไข่ในมื้อเช้าได้ถึง65 เปอร์เซ็นต์ เมื่อบริโภคแคลอรี่ในปริมาณที่เท่ากัน
ตามรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Clinical Nutrution ไข่ที่ให้ผลดีต่อร่างกาย อาจส่งผลร้าย ได้เหมือนกัน ถ้าคุณทานมากกว่า 1 ฟองต่อวัน ติดกันทุกวัน แต่ขณะที่การทานไข่สูงสุด 6 ฟองต่อสัปดาห์ไม่ได้ ทําให้มีอันตรายถึงชีวิต
ในทางตรงกันข้ามการทานไข่ 7 ฟองหรือมากกว่านั้นภายใน 1 สัปดาห์ จะไปเพิ่มปัจจัย เสี่ยงที่ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ 23 เปอร์เซ็นต์

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ฟังให้ดี ได้เกรด 4 ไปกว่าครึ่ง !

1.ให้ความสนใจกับเรื่องที่ฟัง
เราต้องสร้างความสนใจในเรื่องที่จะฟัง(ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นมันจะไม่น่าสนใจ หรือน่าง่วงนอน) เพราะบางครั้งเรื่องที่อาจารย์พูด อาจเป็นจุดสำคํญของเนื้อหา ที่อาจเอาไปออกเป็นข้อสอบเก็บคะแนน หรืออาจจะเอามาถามตอนเราเผลอๆก็ได้นะคะ
2.เมื่อฟัง ก็ต้องฟังอย่างตั้งใจ และมีสมาธิ
เวลาอาจารย์กำลังพูดหรือธิบายอะไร ก็ต้องมีสมาธิอยู่ตรงนั้นนะคะ อย่าวอกแวกหรือจิตหลุด เกิดอาจารย์บอกแนวข้อสอบขึ้นมาแล้วไม่ได้ฟังจะเสียดายแย่ ถ้ารู้ตัวว่าจิตหลุด ให้รีบลอยกลับเข้าร่างค่ะ
3.จับใจความสำคัญของเรื่องที่ฟัง และคิดวิเคราะห์วิจารณ์เรื่องราวที่ฟัง
ต้องจับใจความให้ได้ว่า เรื่องที่ฟังเป็นเรื่องอะไร เกิดที่ไหน เรื่องเป็นอย่างไร ฯลฯ ส่วนการวิเคราะห์วิจารณ์เรื่องราวที่ฟัง คือ เรื่องมันเป็นอย่างไร อะไรเป็นสาเหตุ ผลเป็นอย่างไร เป็นต้น

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

หลักสูตร "ครู" คนอยากเรียนน้อยลง

ใครอยากเป็นครูบ้างยกมือขึ้น....
นั่นๆ เห็oหลายคนยกมือกันใหญ่ ดีใจจังที่มีคนอยากเป็นครู เพราะได้ข่าวมาจาก คม ชัด ลึก ค่ะ ว่า ตอนนี้มีคนสนใจเรียนครูกันน้อยลง เพราะหลักสูตรที่ใช้สอนกันอยู่ตอนนี้ยังไม่ปรับปรุงให้ทันยุคเท่าไหร่นัก และการสอบครูอาจจะต้องเพิ่มการสอบความถนัดของวิชาที่เรียนอีกด้วย เพื่อให้มีความรู้ทางวิชาการแน่นๆ


ซึ่งเรื่องนี้ รศ.ดร.มนตรี แย้มกสิกร คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า ขณะนี้คณะศึกษาศาสตร์ และครุศาสตร์หลายแห่งกำลังจะตาย เพราะไม่มีคนอยากเรียน และหลักสูตรไม่มีการพัฒนา หากในระยะ 5 ปีจากนี้ การคัดเลือกคนเก่งมาเรียนครู จะใช้เพียงคะแนนความถนัดทางวิชาชีพครู หรือ แพต 5 ไม่เพียงพอ ต้องสอบความถนัดในสาขาวิชาที่เรียนด้วย เพราะผู้ที่จะไปเป็นครูที่ดีนั้น จะต้องมีความรู้ทางวิชาการอย่างเข้มข้น และมีจิตวิญญาณในความเป็นครูควบคู่กันไปด้วย
"ที่สำคัญจะต้องเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตให้ครูมีความรู้ในเนื้อหาสาระที่เข้มข้นทางวิชาการที่จะสอนเด็ก ครูที่จบออกไปจะต้องมีเทคนิคการเรียนการสอนที่ดี ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ให้ทุนการศึกษาแก่ผู้ที่จะมาเรียนครู จัดหาอัตราการทำงานรองรับ และเพิ่มผลตอบแทนให้แก่วิชาชีพครู ยกวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูงเช่นเดียวกับแพทย์ หรือผู้พิพากษา หากทำได้คุณภาพของครูทั้งระบบจะดีขึ้น" รศ.ดร.มนตรีกล่าว


อ่านแล้วคิดถึงคุณครูขึ้นมาเลยค่ะ ยิ่งได้เห็นว่ามีคนอยากเป็นครูน้อยลง ก็ยิ่งคิดว่าคุณครูของเราคงต้องเหนื่อยไปอีกหลายปี แล้วเพื่อนหล่ะคะ มีใครอยากเป็นครูบ้างเอ่ย ถ้าได้เป็นครูแล้วอยากสอนวิชาอะไรกันบ้าง หรือใครมีประสบการณ์การสอนมาแล้ว ก็มาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เทคนิค การจำศัพท์ภาษาอังกฤษ ให้ขึ้นใจ

-จัดศัพท์เป็นหมวดหมู่ เช่น คำที่มีความสัมพันธ์กัน หรือมีความหมายตรงข้ามกัน จะช่วยให้จำศัพท์ได้ง่ายขึ้น อาจจดบันทึกใส่สมุดที่พกพาได้ เพื่อความสะดวกเมื่อต้องหยิบมาท่องในเวลาว่าง
-นำศัพท์มาใช้บ่อย ๆ ทำให้เกิดความเคยชิน จะจำได้แม่นยำขึ้น จากนั้นลองแต่งประโยคจากคำเหล่านั้น เพื่อฝึกการเรียบเรียงประโยค
-จำศัพท์จากการออกเสียง อาทิ คำที่ออกเสียงคล้าย ๆ กัน นอกจากจะช่วยให้นึกถึงความหมายได้ง่ายแล้ว ยังได้รู้หลักการออกเสียงที่ถูกต้อง
-ท่องศัพท์ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 10 คำ และหมั่นทบทวนบ่อย ๆ ให้คุ้นเคย หากมีโอกาสสนทนากับคนพูดภาษาอังกฤษ ควรลองนำศัพท์ไปใช้ในสถานการณ์จริง -ฝึกฟัง-อ่านภาษาอังกฤษจากข่าวหรือหนังสือต่าง ๆ แล้วสังเกตหาศัพท์ที่เคยท่อง จะช่วยให้เข้าใจเรื่องราวโดยรวมของเรื่องที่อ่านได้เร็วขึ้น
ป.ล.อย่าลืม เจอฝรั่ง เข้าไปทักทายบ่อยๆ ก็เป็นการฝึกภาษาอังกฤษอีกแบบ :)

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

10 สุดยอด คดีฆาตกรรมโหดในประเทศไทย

อันดับที่ 10 คดีฆ่าหั่นจู๋ พนักงาน รฟม. คดีเขย่าขวัญคนกรุงรับปี 2550 เมื่อมีคนพบศพนายพิชัย ทองใบ พนักงานช่างเทคนิคของ รฟม. ในสภาพถูกฟันที่ท้ายทอย คอถูกปาดลึกเกือบขาด รวมทั้งอวัยวะเพศของผู้ตายถูกคนร้ายใช้มีดตัดเกือบขาดเช่นกัน อีกทั้งยังใช้เลือดเขียนเป็นรูปหัวใจไว้ที่กลางหน้าอกของผู้ตาย สร้างความสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง จนในที่สุดนายกฤษฎาพร บรรพชาติ หรือนายเก่งรฟม.ผู้ที่ลงมือฆ่าก็ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่เนื่องจากทนแรง กดดันไม่ไหว โดยนายเก่งสารภาพถึงมูลเหตุจูงใจมาจากเรื่องชู้สาว อันดับที่ 9 คดีฆาตกรต่อเนื่องหมอนวด คดี ฆาตกรต่อเนื่อง คดีที่ 2 ของประเทศไทย หลังจากคดีซีอุยเมื่อ 40 กว่าปีก่อน(ต่อสำหรับผมเป็นคดีที่ 4 ) โดยนายสมคิด พุ่มพวง ก่อเหตุฆ่าหมอนวดถึง 5 ศพ ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน โดยคดีต่างๆ นายสมคิดจะทำการติดต่อเหยื่อมาร่วมหลับนอนด้วย เมื่อมีการร่วมประเวณีแล้วก็จะฆ่าเหยื่อถึงแก่ความตาย
อันดับที่ 8 คดีแม่ฆ่าลูกบูชาพระอินทร์ ด.ญ.ประภัสสร เจียมเจริญ อายุ 12 ปี ถูกคนในครอบครัวคือนางกาญจนา เจียมเจริญ ผู้เป็นแม่ ซึ่งอ้างว่าเป็นร่างทรงพระอินทร์ นางอนงค์ เจียมเจริญ มีศักดิ์เป็นป้า อ้างเป็นร่างทรงพระอาทิตย์ นางจรินทร์ เจียมเจริญ น้าสาว และนางบัว เจียมเจริญ ผู้เป็นยายร่วมกันฆ่า โดยใช้มีดปาดคอตายอย่างสยดสยองภายในบ้าน โดยนางกาญจนาอ้างว่าสาเหตุที่ฆ่าลูกสาวเพื่อต้องการปลดปล่อยวิญญาณไปให้พระ อินทร์ จากนั้นตำรวจได้ส่งตัวทั้งหมดไปที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เนื่องจากพบว่าทั้งหมดมีอาการทางประสาท ถือได้ว่าเป็นคดีศึกษาอีกคดีหนึ่งในไทยก็ว่าได้
อันดับที่ 7 คดีห้างทอง ธรรมวัฒนะ ปริศนา การตายของ ห้างทอง ธรรมวัฒนะ อดีต ส.ส.พรรคประชาไทย ยังคงคาใจทุกฝ่ายอยู่ในขณะนี้ว่าเป็นการฆาตกรรมหรือฆ่าตัวตาย หลังจากมีผู้พบศพนายห้างทองเสียชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หรู สภาพนั่งอยู่บนเก้าอี้ คอแหงนไปด้านหลังมีบาดแผลลูกกระสุนเจาะทะลวงที่ศรีษระ 1 นัด โดยเสียชีวิตภายในห้องนอนของนายนพดล ธรรมวัฒนะ ผู้ที่เป็นน้องชายนั่นเอง มีการผ่าพิสูจน์ศพหาสาเหตุการตายอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งปัจจุบัน ก็ยังไม่สามารถสรุปผลที่แท้จริงได้ จนกว่าจะมีคำสั่งของศาลเป็นที่สิ้นสุด ปัจจุบันศพก็ยังแช่เย็นอยู่ไม่ได้ถูกนำไปเผาแต่อย่างใด
อันดับที่ 6 คดีหมอผัสพร แพทย์ หญิงโรงพยาบาลรถไฟที่หายตัวไปนานร่วมเดือน นำไปสู่การสืบสวนสอบสวน น.พ.วิสุทธ์ บุญเกษมสันติ ผู้เป็นสามีซึ่งให้การปฎิเสธมาโดยตลอด จนเมื่อทีมสืบสวนเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นอาคารวิทยนิเวศน์พบคราบเลือดและ เส้นผมและหลักฐานสำคัญ ที่เป็นชิ้นส่วนของมนุษย์ในบ่อพักน้ำเสียของอาคาร ซึ่งตรงกับ DNA ของหมอผัสพร สอดคล้องกับพยานที่เห็น น.พ.วิสุทธิ์ อยู่กับหมอผัสพรเป็นคนสุดท้าย รวมถึงเรื่องการฟ้องหย่าที่มีปัญหาขัดแย้งกันมานานจนนำไปสู่มูลเหตุจูงใจฆ่า ปัจจุบันศาลได้พิพากษาให้ประหารชีวิตแล้ว แต่ยังสามารถอุทรได้อยู่
อันดับที่ 5 คดีเสริม สาครราษฎ์ นัก ศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรีแฟนสาว โดยนายเสริมให้การว่าใช้ปืนสังหารที่ขมับ น.ส.เจนจิรา เนื่องจากตกลงกันไม่ได้เรื่องมีชายอื่นมาพัวพันหลังจากนั้นได้ใช้มีดผ่าตัด เฉือนศพเป็นชิ้นๆ ทิ้งลงชักโครก จนมีผู้พบชิ้นเนื้อมนุษย์จนนำไปสู่การพิสูจน์ DNA ก็พบว่าตรงกับเจนจิรา
อันดับที่ 4 คดีศยามล อีก หนึ่งคดีที่สร้างความสลดหดหู่ยิ่งนัก เมื่อมีผู้พบศพพยาบาลสาวถูกฆ่าโดยอำพรางศพว่าเป็นการขมขื่นและทิ้งศพไว้ในรถ โดยมีลูกสาววัย 2 ขวบ ร้องไห้กอดศพผู้เป็นแม่อยู่ทั้งคืน ซึ่งผู้ที่บงการสั่งฆ่าก็ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือสามีหมอของเธอนั่นเอง
อันดับที่ 3 คดีเชอร์รี่แอน ดันแคน เด็ก สาววัยรุ่นลูกครึ่งเชื้อชาติ ไทย-อเมริกัน ถูกพบเป็นศพหลังจากมีผู้พบเห็นว่าถูกล่อลวงขึ้นรถแท็กซี่ไปจากหน้าโรงเรียน ฆาตกรใช้สายรัดคอจนขาดอากาศหายใจและนำศพไปทิ้งไว้บริเวณป่าแสมบางสำราญ และนำไปสู่การจับผู้ต้องหาถึง 5 คน ซึ่งในเวลา 6 ปีต่อมา ศาลจึงมีคำสั่งว่าพวกเค้าทั้ง 6 คนไม่มีความผิด จนเป็นคดีที่กล่าวขานในเรื่องของการจับแพะมากที่สุดคดีหนึ่ง
อันดับที่ 2 คดีซีอุย ซีอุย แซ่ตั้ง เป็นชื่อของฆาตกรที่ฆ่าเด็กและนำตับมาต้มกินโดยมีเด็กอย่างน้อย 6 คนที่ถูกนายซีอุยสังหาร ซีอุยเป็นชาวจีนโพ้นทะเลเข้ามาในเมืองไทยและขึ้นฝั่งที่ประจวบคีรีขันธ์ ชอบจับเด็กมาผ่าและควักเอาเครื่องในมากินโดยมีความเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ โดยได้ทำการฆ่าเด็ก 3 รายแรกที่ประจวบคีรีขันธ์ และรายสุดท้ายจับได้หลังจากคดีฆาตกรรมที่จังหวัดระยอง ซี่งสุดท้ายโดนจับขังคุกและยิงเป้าประหารชีวิต
อันดับที่ 1 คดีนวลฉวี ย้อนหลังไปเมื่อ 40 กว่าปีก่อน เกิดคดีเขย่าขวัญคนกรุง เมื่อมีผู้พบศพพยาบาลสาวถูกฆ่าข่มขืนอย่างทารุณแล้วโยนศพทิ้งน้ำ บริเวณสะพานนนทบุรีซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักในชื่อ สะพานนวลฉวี ซึ่งผู้ที่บงการสั่งฆ่านั่นก็คือหมออุทิศผู้ที่เป็นสามีของเธอนั่นเอง สาเหตุมาจากความหวั่นวิตกของหมอว่าเธอจะเข้าไปทำลายครอบครัวของเขา เขาก็เลยสั่งให้ฆ่าทั้งๆ ที่ยังรักเธออยู่ และแม้ว่าต่อมาหมออุทิศจะสำนึกขึ้นได้และจะยกเลิกคำสั่งนั้น แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

10 วิธี ดูแลตนเองให้ห่างไกลไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

ช่วงนี้โรคที่ฮิตสุดๆ เรียกว่าเป็นเทรนด์หน้าฝนก็คือ "โรคไข้หวัด" โดยเฉพาะ "โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009" ที่ใครๆ ก็กลัวและระมัดระวังกันอย่างเต็มที่ ซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นี้ เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด เอ เอช1 เอ็น1 (A/H1N1) ซึ่งมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา และสามารถติดต่อกันได้ง่ายโดยการไอหรือจามรดกันโดยตรง หรือติดต่อผ่านทางมือที่สัมผัสสิ่งของปนเปื้อนเชื้อโรคนั่นเองค่ะ
สำหรับอาการของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่น้องๆ ชาว Dek-D.com สามารถสังเกตได้ด้วยตนเองก็คือ มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก คัดจมูก และอาจมีอาการอาเจียนหรือท้องเสียร่วมด้วย โดยในรายที่มีอาการรุนแรง จะมีอาการหายใจลำบาก หอบเหนื่อยเนื่องจากปอดอักเสบ กระทั่งอาจถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีค่ะ
ทั้งนี้ อย่าเพิ่งวิตกกังวลกันมากเกินไปนะคะ ทางที่ดี เรามาเรียนรู้วิธีป้องกันตนเองให้ปลอดภัย ห่างไกลจากโรคไข้หวัด และโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กันดีกว่าค่ะ โดยต่อไปนี้ คือแนวทางปฏิบัติเพื่อดูแลตนเองให้ห่างไกลโรค...






1. ล้างมือบ่อยๆ สิ่งของต่างๆ ในชีวิตประจำวันเรานั้น ล้วนเต็มไปด้วยเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นลูกบิดประตู ก๊อกน้ำ ราวบันได เป็นต้น ดังนั้น เราจึงควรล้างมือกันบ่อยๆ โดยศูนย์วิจัยสุขภาพของกองทัพสหรัฐฯ ได้ทำการศึกษาโดยให้อาสาสมัครจำนวน 40,000 คน ล้างมือวันละ 5 ครั้ง พบว่า คนกลุ่มนี้ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจลดลงร้อยละ 45
2. พกเจลล้างมือฆ่าเชื้อติดตัว การพกเจลล้างมือติดตัวจะช่วยให้มือน้องๆ สะอาดด้วยวิธีที่ง่ายดายและสะดวกสุดๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม โดยขณะนี้ ทางกองควบคุมโรค สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ได้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนด้วยการติดตั้งโต๊ะให้บริการเจลล้างมือไว้ตามห้างสรรพสินค้าและสถานที่สำคัญอีกด้วย น้องๆ เห็นแล้วก็อย่าลืมใช้บริการกันนะคะ
3. เปลี่ยนแปรงสีฟันทุกสามเดือน แปรงสีฟันนอกจากจะช่วยทำความสะอาดฟันของเราแล้ว ยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดีอีกด้วย ทันตแพทย์จึงแนะนำให้น้องๆ หมั่นเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 3 เดือน และหลังแปรงฟันเสร็จควรเก็บแปรงไว้ในที่อากาศถ่ายเท เพื่อให้ขนแปรงแห้งสนิทไม่เป็นแหล่งบ่มเพาะเชื้อโรค และจะดีที่สุด หากน้องๆ เปลี่ยนแปรงทุกครั้งหลังป่วยเป็นไข้หวัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำค่ะ
4. อย่าโทษตนเอง น้องๆ รู้ไหมว่า... "ความเครียด" ก็เป็นต้นเหตุสำคัญของอาการป่วยเป็นไข้หวัด โดยนักวิจัยพบว่า คนที่ขาดความมั่นใจ ชอบโทษตนเอง หรือมีทัศนคติไม่ดีที่ก่อให้เกิดอาการเครียดนั้น จะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง ทำให้เราป่วยง่ายขึ้นด้วย
5. ออกกำลัง การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายเราได้มากกว่าคนที่ไม่ออกกำลังเลยถึงสามเท่า และอย่าลืมว่า... การออกกำลังกายไม่ได้ช่วยเรารอดพ้นจากอาการไข้หวัดเท่านั้นนะคะ แต่ยังสร้างถูมิคุ้มกันให้เราปลอดภัยจากโรคต่างๆ ได้อีกมากมายทีเดียว
6. กินอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนเพียงพอ เรารู้ดีว่า อะไรบ้างที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเรา แต่ช่วยไม่ได้ ที่เรามักขาดความเข้มงวดกับตนเอง จึงทำให้เผลอกินของไม่มีประโยชน์อยู่บ่อยๆ ต่อไปนี้ น้องๆ ต้องมีระเบียบวินัยกับตนเอง หันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกินให้มากขึ้น โดยเฉพาะน้องๆ ที่ไม่ชอบกินผัก มาเริ่มกันวันนี้เลยดีกว่า และที่สำคัญ น้องๆ ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำสะอาดมากๆ ด้วยนะคะ
7. ใช้แขนหรือกระดาษเช็ดหน้าปิดปากทุกครั้งที่ไอหรือจาม น้องๆ รู้หรือไม่ว่า "การใช้มือปิดปากหรือจมูกในขณะที่ไอหรือจามเป็นวิธีที่ผิด" นั่นเพราะว่าเชื้อโรคจะกระจายอยู่เต็มมือ (ซึ่งน้องๆ ไม่ค่อยล้างมือ) และสามารถแพร่ไปยังผู้อื่นได้ง่ายอีกด้วย วิธีที่ถูกคือ หากไม่สามารถคว้ากระดาษเช็ดหน้ามาปิดได้ทัน ให้น้องๆ งอข้อศอกขึ้นปิดปากและจมูก แน่นอนว่า... คงไม่มีใครใช้ข้อศอกถูดวงตาหรือสัมผัสมือผู้อื่นนะคะ





8. หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยเป็นไข้หวัด ถึงจะไม่รู้ว่าป่วยอยู่ขั้นไหนก็ตาม แต่เมื่อไรที่พบเห็นผู้ป่วยมีอาการไอ จาม น้ำมูกไหลล่ะก็ น้องๆ ควรพยายามอยู่ห่างๆ ไม่ไปคลุกคลีด้วย (ไม่ถึงขนาดรังเกียจกันนะคะ) โดยเฉพาะน้องๆ ที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ติดโรคง่ายยิ่งควรต้องระวังเป็นพิเศษค่ะ
9. ไม่ควรอยู่ในสถานที่แออัด หรือที่ชุมนุมชน ตามที่ได้มีการประกาศออกมาให้ระวังสถานที่ต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ หรือแม้แต่ในโรงเรียนที่มีผู้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นต้น ว่าควรหลีกเสี่ยงสถานที่ดังกล่าว หรือต้องมีการปิดสถานที่เพื่อทำความสะอาด ดังนั้น น้องๆ ควรระมัดระวังตนเองให้ดีนะคะ รวมทั้งใครที่ป่วยอยู่ ก็ควรหยุดพักผ่อนอยู่กับบ้าน ไม่ควรไปในสถานที่ดังกล่าวเช่นกันค่ะ
10. สวมหน้ากากอนามัย ในต่างประเทศ เรามักจะพบผู้ป่วยเป็นไข้หวัดสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคไปยังบุคคลอื่น ทว่าในบ้านเรา... คนปกติที่ร่างกายแข็งแรง กลับต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตนเอง ด้วยเหตุนี้ น้องๆ ที่มีอาการป่วยก็ควรรับผิดชอบต่อสังคมโดยการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องการการแพร่กระจายของเชื้อโรค หรือป้องกันการติดเชื้อ เมื่อจำเป็นต้องอยู่ในที่ชุมนุมชน ที่ผู้คนแออัด และอากาศถ่ายเทไม่สะดวก นอกจากนี้ กระดาษเช็ดน้ำมูก หรือน้ำลายของผู้ป่วย ก็ควรทิ้งในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดด้วยนะคะ

แม้ว่าไข้หวัดจะไม่ได้อันตรายถึงชีวิต รวมทั้งไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ก็สามารถรักษาหายได้ แต่โรคเหล่านี้ นอกจากจะติดต่อกันง่ายแล้ว ยังบั่นทอนภูมิคุ้มกันร่างกายของเราอีกด้วย ทั้งยังทำให้เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่นๆ เช่น หลอดลมอักเสบ ทางเดินหายใจอักเสบ เป็นต้น ดังนั้น ใครที่สงสัยว่าจะป่วยเสียแล้ว ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา และหากน้องๆ ชาว Dek-D.com สังเกตตนเองพบว่า ป่วยเป็นไข้หวัดเฉลี่ยปีละสองครั้ง ก็นับว่ามีความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนแล้วล่ะค่ะ ด้วยเหตุนี้การป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยนอกจาก 10 วิธีนี้แล้ว ใครจะไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคเพิ่มเติมก็ไม่ว่ากันนะคะ
...อ่านจบแล้ว ก็อย่าลืมนำไปปฏิบัติเพื่อดูแลตนเองและคนใกล้ชิด แล้วก็อย่าลืมบอกต่อไปยังเพื่อนๆ ด้วยล่ะ ^^

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ภาพอัศจรรย์กลางวัน กับกลางคืนห่างกันนิดเดียว !!!

ภาพนี้ถ่ายโดยลูกเรือในยานโคลัมเบียในการปฏิบัติการครั้งสุดท้ายภาพนี้ถ่ายผ่านดาวเทียมในวันที่ท้องฟ้าปราศจากเมฆหมอกเป็นภาพของทวีปยุโรปและแอฟริกาในเวลาอาทิตย์อัสดงกึ่งหนึ่งของภาพเป็นเวลากลางคืน แสงสว่างที่เป็นจุดๆ ที่คุณเห็นนั้นคือแสงไฟในเมืองส่วนบนสุดของทวีปแอฟริการ คือ ทะเลทรายซาฮาร่าเห็นได้ว่าในเขตฮอลแลนด์ ปารีส และะบาร์เซโลน่านั้นต้องเปิดไฟเพื่อให้แสงสว่างยามค่ำคืน ขณะที่ในลอนดอน ลิสบอน และแมนดริดยังคงเจิดจ้าด้วยแสงสว่างของเวลากลางวันแสงอาทิตย์ยังคงสาดส่องอยู่ในเขตช่องแคบยิบรอลต้าขณะเดียวกันทะเลเมดิเตอเรเนียนกลับถูกปกคลุมด้วยความมืดของยามราตรีคุณจะเห็นหมูเกาะอะโซเรสตรงกลางมหาสมุทรแอตแลนติกด้านขวาล่างของอะโซเรส คือ หมู่เกาะมามาเดล่าต่ำลงมาทางด้านล่าง คือ หมู่เกาะแคเนอรี่และต่ำลงมาทางใต้นั้นอยู่ใกล้กลับบริเวณสุดเขตฝั่งตะวันตกของทวีปแอฟริกาคือ หมู่เกาะ เคป เวอร์ด เห็นได้ชัดว่าทะเลทรายซาฮาร่าซึ่งกินบริเวณกว้างนั้นเป็นส่วนที่จะเห็นความแตกต่างของช่วงเวลากลางวันและกลางคืนได้อย่างชัดเจนด้านซ้ายบน คือ กรีนแลนด์ที่หนาวเย็นช่างเป็นถาพถ่ายที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง !
เครดิต :: โพส จัง ดอท คอม

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

\\\ [ P I C c .. ] แม่น้ำ ... ที่สกปรกที่สุดในโลก ///

แม่น้ำนี้ชื่อว่า Citarumเมือง จาการ์ต้า ประเทศ อินโดนีเซีย





The Citarum - Dirtiest River in the World?
What happens when nine million people throw their trash in a river, and corporations use it to dump hazardous waste? It becomes like the Citarum in West Java, Indonesia – choked with plastic, loaded with chemicals and human waste. A generation ago, the Citarum River was a peaceful waterway where wildlife enjoyed the clean, fresh water and villagers caught fish and made a living off the rice paddies.
The villagers can't make money off of fishing anymore, so they've turned to picking through the trash that floats on the surface to find items that can be sold or traded. Rapid industrialization in the '80s is what led to this: more than 500 factories line the banks of the 200-mile river, many of them leaking textile treatment chemicals into the water. The trash that floats on top is the result of the lack of a trash pickup service in the area. All of the houses, factories, and other buildings along the river pour human waste into it for lack of anyplace else to put it.
Many people who live in the area still collect the water to drink, cook with and wash their clothes – they don't have much choice, as it's the only nearby source of water.
It's unknown whether the Citarum really is the most polluted river in the world, since no study has ever been done to conclude such a thing. There are many other rivers that are also incredibly polluted, and many of them are located in Asia. Part of the problem is that wealthy countries like America pay poor Asian countries to take huge barges of our trash to dispose of. Electronics make up the bulk of it, and as today's equipment becomes obsolete and we purchase tomorrow's to replace it. Many of the world's rivers may see fates similar to that of the Citarum River if we don't begin a major overhaul of our sanitation systems, and help other countries with their waste management as much as we can.
อย่าให้บ้านเรามีอย่างนี้เลย.. ได้โปรดช่วยกันรักษาแม่น้ำ ***อย่าให้แม่น้ำเจ้าพระยากลายเป็นแบบนี้
credit : potgogo.com and google

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Pic!!ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทางดวงดาว ที่ทำให้โลกใบนี้สวยได้ (ต่อค่ะ)


11.แสงแห่งรุ่นอรุณ


12.คลื่นเมฆ อย่าเล่นโต้คลื่นจริงๆ



13.ไร้ทิศทาง




14.ดินแดนแห่งความฝันที่เป็นจริง




15.สวนสนุก



16.ดวงดาวสีน้ำเงิน

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Pic!!ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทางดวงดาว ที่ทำให้โลกใบนี้สวยได้ขนาดนี้ ^^


1.ชั้นบรรยากาศที่ดุจดั่งเปลือกผลแอปเปิ้ล




2.มุกน้ำแข็ง





3.เกาะแห่งแสง




4.สะดือของโลก




5.ถนนปุบผา





6.ถิ่นฐานความลับของ Aki Buta







7.หอยทะเล






8.ป่าที่หลงใหลอยู่ในม่านหมอก





9.งอบ(หมวก)เมฆ



10.ร่องรอยของสายลม

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ขนมหวานที่ขึ้นชื่อของแต่ละประเทศ


แบล็คฟอเรสท์เค้ก
ด้วยความมีชื่อเสียงในเรื่องชนิทเซล เบียร์ และเค้กรสชาติอร่อยมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่เยอรมนีจะกลายเป็นสถานที่ดื่ม-กินยอดนิยมของเรา โดยเจ้าช็อกโกแลตเค้กที่ทับซ้อนหลายชั้นด้วยครีม เชอร์รี่ และบรั่นดีผลไม้นี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นยุค 1900 ทางตอนใต้ของเยอรมนี (ภายหลังได้รับการปรุงแต่งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยฝีมือของช่างทำเค้กในกรุงเบอร์ลิน) และทุกวันนี้เป็น ทื่ชื่นชอบของคนทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่า นี่ก็เป็นหนึ่งในของโปรดของเราเช่นกัน
ฮาโล ฮาโล (Halo Halo) จานเด็ดของชาวฟิลิปปินส์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ไข่บาลุท แต่รับประกันได้ว่าไม่น่าสะอิดสะเอียน ทั้งนี้ ฮาโล ฮาโล ไม่มีสูตรการทำที่แน่นอน แต่ดูๆ ไปก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งใสของบ้านเรา โดยนำน้ำแข็งบดมาเติมด้วยเครื่องเคียง เช่น ถั่วเขียว ลูกตาล ขนุน มะพร้าวอ่อน ไอศกรีม วุ้นมะพร้าว สับปะรด และอื่นๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการราดนมข้นหวานและน้ำเชื่อม โดยสามารถหารับประทานได้ทุกที่ในกรุงมะนิลา

ทีรามิสุ
เค้กชื่อดังของอิตาลีทำขึ้นจากเลดี้ฟิงเกอร์ราดเอสเปรสโซ่ สอดไส้ด้วยมาสคาร์โปนชีสและซาบากลิออเน ลือกันว่าทีรามิสุมีจุดกำเนิดมาจากการที่แม่บ้านของทหารในสงครามโลกครั้งที่สองทำเค้กให้สามีรับประทาน โดยเชื่อว่าส่วนผสมของคาเฟอีนกับน้ำตาลจะช่วยให้พวกเขามีพลังและแคล้วคลาดจากอันตราย ช่างโรแมนติคเสียนี่กะไร เหมาะจะเป็นของหวานรับวันวาเลนไทน์โดยแท้
ข้าวเหนียวมะม่วง
ขนมหวานแบบไทยๆ ที่นำมะม่วงสุกเหลืองอร่ามมาทานคู่กับข้าวเหนียวมูนราดด้วยน้ำกะทิ ฟังแล้วชวนน้ำลายสอเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับความนิยมจากทั้งชาวสยามและชาวต่างชาติ ทั้งยังสามารถหาลิ้มลองได้ทั้งที่โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร และร้านอาหารตามท้องถนนทั่ว
แครมบรูเล่ (Crème Brulee)
แม้ชื่อจะฟังดูแล้วฝรั่งเศสสุดๆ แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากวิทยาลัยทรินิตี้ในเคมบริดจ์ได้อ้างว่าพวกเขาคือต้นตำรับผู้คิดค้นขนมสูตรเด็ดนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 1600 อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีจุดกำเนิดจากอังกฤษ แต่เชื่อแน่ว่าคงไม่มีสถานที่ใดเหมาะแก่การทานคัสตาร์ดเย็นๆ โรยด้วยน้ำตาลไหม้ ได้เท่ากับใต้หอไอเฟลที่ประดับด้วยไฟสว่างไสวในยามค่ำคืนในกรุงปารีส
แอปเปิล พาย
เช่นเคย แม้จะฟังดูเป็นอเมริกันจ๋า แต่จริงๆ แล้วมีต้นกำเนิดจากเมืองผู้ดี โดยได้รับการคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1381 และปกติจะอบด้วยแป้งสองชั้น ในสมัยก่อน ตอนที่ชาวอังกฤษอพยพมาตั้งรกรากในอเมริกา พวกเขาได้นำเมล็ดแอปเปิลมาปลูกด้วย จึงทำให้มันมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมของชาวมะกัน แต่ไม่ว่าจะที่โรงแรมในลอนดอนหรือภัตตาคารในแอลเอ แอปเปิลพายก็เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาลูกค้าเหมือนกัน

ไดฟุกุ
ขนมเจลลาตินทรงกลมจากแดนอาทิตย์อุทัยมักสอดไส้ไว้ด้วยถั่วแดงหวาน (และบางครั้งก็อาจเป็นแยมสตอเบอร์รี่) โรยด้วยแป้งบางๆ โดยสามารถหาซื้อมารับประทานได้ทั้งจากกรุงโตเกียว โอซาก้า เกียวโต นากาโนะ และทุกแห่งในญี่ปุ่น

นาไนโม บาร์ (Nanaimo Bars)
แคนาดาขึ้นชื่อเรื่องขนมหวาน? ได้ยินแล้วไม่ต่างกับการพูดว่ากรุงเทพขึ้นชื่อเรื่องทะเลยังไงยังงั้น แต่กระนั้น ขนมรสเลิศดังกล่าวก็มีที่มาจากเกาะแวนคูเวอร์ในเมืองนาไนโม รัฐบริติชโคลัมเบีย โดยได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือแม่บ้านท้องถิ่นซึ่งได้ส่งเจ้าขนมทรงจัตุรัสชิ้นนี้ไปประกวดในนิตยสารและคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ ปัจจุบัน เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในแถบอเมริกาเหนือ









กุหลับ จามาน (Gulab Jamen)
ก้อนขนมปังหวานที่คงไม่ถูกปากฝรั่งตาน้ำข้าว แต่คอนเฟิร์มว่าอยู่ในรายชื่อขนมอันดับต้นๆ ของชาวอินเดีย และเมื่อมีคนกว่าพันล้านคนชื่นชอบ ก็ยากจะปฏิเสธได้ว่ามันไม่อร่อย ปกติแล้วมักทำขึ้นโดยใช้ครีมสองชั้นและราด้วยน้ำเชื่อมเข้มข้น เป็นที่นิยมในอินเดีย ปากีสถาน เนปาล และประเทศในแถบเอเชียใต้









บาคลาวา (Baklava)
ประวัติที่แท้จริงของบาคลาวายากที่จะระบุให้แน่ชัดเพราะว่ากันว่ามันมีต้นกำเนิดจากจักรวรรดิอ็อตโตมัน ดินแดนเมโสโปเตเมีย และอาหรับ โดยขนมหวานชนิดนี้ทำขึ้นจากการนำแป้งฟิลโลมาสอดไส้ไว้ด้วยถั่ว น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม หากต้องการลิ้มลองรสชาติแบบต้นตำรับก็ต้องไปรับประทานถึงถิ่นที่อ้างว่าเป็นจุดกำเนิด ทั้งกรุงอิสตันบูล กรุงเอเธนส์ และกรุงเบรุต แม้แต่ละที่อาจจะมีรสแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ยังการันตีได้ถึงความเอร็ดอร่อย